Author: Thailand Super Series

วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ วันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ

วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ วันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถสำนักพระราชวัง

ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ https://wellwishes.royaloffice.th/ ระหว่างวันที่ ๑๐ – ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔

พระประวัติhttps://th.wikipedia.org/…/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0…

TSS Library ถอดรหัสความซับซ้อนของพวงมาลัยรถ Formula 1

กล่าวกันว่า “ไม่มีกีฬาใดเหมือน Formula 1 อีกแล้วถึงแม้ว่าจะมีกีฬา Motorsport อื่นๆ ที่ยากลำบากก็ตาม” ด้วยเหตุผลยกให้ Formula 1 เป็นสุดยอดแห่ง Motorsport นั้นเนื่องจากนักแข่งต้องพารถของตนฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ อันดุเดือด รวมทั้งกระบวนการการทำงานของรถนับพันประการในขณะที่รถนั้นวิ่งอยู่ ความต้องการเหล่านั้นไม่ได้มาจาก Pit Wall หรือเหล่าวิศวกรผู้อยู่เบื้องหลังเท่านั้น หากแต่มาจากเจ้าชิ้นส่วนเล็กๆ ที่ผลิตมาจาก คาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีราคาสูงลิบ สิ่งนั้นคือ พวงมาลัย นั่นเอง กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/ถอดรหัสความซับซ้อนของพ/(opens in a new tab

ถอดรหัสความซับซ้อนของพวงมาลัยรถ Formula 1

กล่าวกันว่า “ไม่มีกีฬาใดเหมือน Formula 1 อีกแล้วถึงแม้ว่าจะมีกีฬา Motorsport อื่นๆ ที่ยากลำบากก็ตาม” ด้วยเหตุผลยกให้ Formula 1 เป็นสุดยอดแห่ง Motorsport นั้นเนื่องจากนักแข่งต้องพารถของตนฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ อันดุเดือด รวมทั้งกระบวนการการทำงานของรถนับพันประการในขณะที่รถนั้นวิ่งอยู่ ความต้องการเหล่านั้นไม่ได้มาจาก Pit Wall หรือเหล่าวิศวกรผู้อยู่เบื้องหลังเท่านั้น หากแต่มาจากเจ้าชิ้นส่วนเล็กๆ ที่ผลิตมาจาก คาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีราคาสูงลิบ สิ่งนั้นคือ พวงมาลัย นั่นเอง

จะมาพูดถึงส่วนต่างๆ อันสลับซับซ้อนของพวงมาลัย Formula 1 เพื่อให้ทุกท่านเข้าใจมากขึ้น เช่น strat, entry, mark, overtake ไปถึง DRS รวมทั้งปุ่มบนพวงมาลัยเหล่านี้ทำหน้าที่อะไรบ้าง

• Strat Settings
ในทุกๆ เรซล้วนมีลักษณะเฉพาะสนามที่แตกต่างกันไป จึงต้องมีการวางแผนทั้งนักแข่งรวมถึงวิศวกรไว้หลายวิธีด้วยกัน ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้น

• MGU-K Settings
ระบบส่งกำลังของ Formula 1 เป็นหนึ่งในระบบที่ซับซ้อนที่สุดในโลก เพื่อให้แน่ใจว่านักแข่งสามารถแก้ไขข้อบกพร่องต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้ด้วยตนเองในระหว่างการแข่งขัน วิศวกรของทีมจึงได้ออกแบบการปรับเครื่องยนต์ขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งนักแข่งสามารถควบคุมสวิตช์แบบบิดหมุนได้ผ่านทางพวงมาลัย เช่น สภาพอากาศที่เปียกชื้นเป็นผลทำให้กำลังลดลง แม้แต่ควบคุมกำลังของรถในช่วงระหว่างแข่ง หรือตอน Qualify ตลอดจนพลังงานเชื้อเพลิงต่ำลง หรือพลังงานขัดข้องก็ตาม

• Menu
เมนูนี้จะช่วยให้นักแข่งสามารถควบคุมระบบของรถเกือบทั้งหมดได้ รวมทั้งเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกทุกอย่างผ่านทางเมนู

• Accept
เปรียบได้กับปุ่ม “Enter” บนพวงมาลัย หากมีการเปลี่ยนแปลงจากเมนู หรือการตั้งค่าอื่นๆ ก็จะสามารถปรับเปลี่ยนได้ทันที

• Mark
เมื่อมีปัญหากับส่วนกลาง, ด้านหน้าของรถ หรือที่ใดก็ตามในสนามแข่ง นักแข่งสามารถทำเครื่องหมาย ณ จุดนั้น เพื่อบันทึกข้อมูลลงไปทำให้นักแข่งสามารถนำสิ่งที่เกิดขึ้นไปปรึกษากับวิศวกรในทีมได้

• Differential Balance
ถูกควบคุมด้วยชุดปุ่มที่สามารถเลื่อนได้เพื่อควบคุมการตั้งค่า Entry, Mid และ Exit ซึ่งช่วยให้นักแข่งสามารถเปลี่ยนสมดุลไปทางซ้ายหรือขวาได้ตลอดการแข่งขัน เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขามีการสมดุลที่ดีที่สุดในทุกๆ โค้ง

• Brake Balance
เป็นปุ่มที่สามารถเลื่อนได้เช่นกัน ซึ่งนักแข่งสามารถปรับเปลี่ยนความสมดุลของเบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้ตลอดการแข่งขัน เพื่อให้แน่ใจว่ามีความสมดุลที่ดีที่สุดในทุกๆ โค้ง

• Energy Recovery
ในบางกรณีที่เรียกว่า Harvest จะอนุญาตให้นักแข่งสามารถกู้คืนพลังงานบางส่วนที่เกิดขึ้นระหว่างการเบรก และเก็บไว้ในระบบไฮบริดของรถเพื่อนำมาใช้ในภายหลัง

• Race Start
เป็นปุ่มที่ใช้ตั้งค่าจำกัดความเร็วเฉพาะ เพื่อให้การเข้าโค้งแรกของการแข่งขันนั้นสมบูรณ์แบบที่สุด

• Neutral
จะมีการเปิดใช้ก็ต่อเมื่อเกียร์บ๊อกซ์ปกติได้รับความเสียหาย จนไม่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ตามปกติ

• Pit-Lane Speed
ปุ่มที่จำกัดความเร็วของรถเมื่อเข้าสู่ Pit-Lane เพื่อความปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดได้

• Pit Confirm
หลังจากได้ยินคำสั่ง “Box, Box, Box” นักแข่งสามารถยืนยันในการเข้า Pit ด้วยปุ่มนี้ได้

• Radio
ปุ่มที่นักแข่งใช้สื่อสารกับทีมงานในพิท

• Drink
ในระหว่างการแข่งขันแต่ละครั้งนักแข่งจะสูญเสียน้ำในร่างกายมากถึง 5-7 ปอนด์ เมื่อกดปุ่มนี้จะเป็นการเติมพลังงานให้กับนักแข่งทันที

• Overtake
บางครั้งเรียกกันว่า Push to Pass ช่วยให้นักแข่งมีกำลังเครื่องยนต์และไฮบริดเพิ่มขึ้นชั่วขณะเพื่อไปให้ถึงรถคันที่อยู่ด้านหน้าได้

• DRS
มาจากคำว่า Drag-Reduction System ซึ่งเป็นศัพท์เฉพาะสำหรับแอโรไดนามิกที่ใช้งานอยู่ ในกรณีของ Formula 1 เมื่อนักแข่งกดปุ่ม DRS บนพวงมาลัย และต้องอยู่ห่างจากรถคันหน้าไม่เกิน 1 วินาที อีกทั้งต้องอยู่ในโซน DRS ที่กำหนดไว้ ส่วนตรงกลางของปีกหลังจะเปิดขึ้นซึ่งจะช่วยลดแรงต้านได้ เมื่อเปิด DRS จะทำให้นักแข่งสามารถทำความเร็วได้เพิ่มขึ้น

• Other Secret Buttons
นอกจากปุ่มต่างๆ ที่จำเป็นต้องมีต่อการแข่งขันแล้ว ก็ยังมีปุ่มที่ออกแบบไว้อีกมากมายให้เหมาะสำหรับความลับในแง่ของการออกแบบ และการติดตั้ง ตลอดจนความต้องการของนักแข่งในแต่ละทีม

• Paddles
มักจะแบ่งออกเป็น 3 ชุดภายในพวงมาลัย Formula 1 แต่นักแข่งและทีมงานของแต่ละทีมอาจมีการตั้งค่า แตกต่างกันออกไปตามความถนัดและการออกแบบ ซึ่งด้านบนสามารถตั้งค่าให้นักแข่งเข้าถึงการตั้งค่าเชิงกลยุทธ์ การตั้งค่าเครื่องยนต์ หรือ DRS ได้อย่างรวดเร็ว ชุดกลางมีไว้สำหรับให้นักแข่งใช้เปลี่ยนเกียร์ และชุดล่างมีไว้สำหรับคลัทช์ ซึ่งใช้ในช่วงเริ่มการแข่งขัน หรือการวอร์มยาง

• Handles
เป็นด้ามจับบนพวงมาลัย จะถูกหล่อขึ้นรูปตามมือของนักแข่ง

• Quick-Release Hub
สิ่งนี้จะช่วยให้นักแข่งสามารถเข้าและออก Cockpit ได้ง่ายขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือไฟไหม้ก็ตาม

• Display
จอแสดงผลสำหรับนักแข่ง Formula 1 หน้าจอจะแสดงข้อมูลการวัดระยะทาง เกียร์ในปัจจุบัน เวลาต่อรอบ อีกทั้งเดลต้าไปยังด้านหน้าและด้านหลังรถ สถานะการชาร์จของแบตเตอรี่ เมนู และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพและปัญหาของรถ รวมถึงระบบเทเลเมติกส์อื่นๆ และทั้งหมดนี้สามารถประมวลผลออกมาได้อย่างรวดเร็ว จอแสดงผลนั้นอาจติดตั้งอยู่ที่พวงมาลัยหรือบนแผงหน้าปัดของรถแข่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความถนัด และการออกแบบของทีมงานกับนักแข่ง

• RPM-Indicator LEDs
ไฟ LED สำหรับแสดงสถานะให้นักแข่งทราบเมื่อถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนเกียร์ นักแข่งมักจะมีการตั้งค่าในสีต่างๆ เพื่อแสดงถึง RPM ที่ต่ำและสูง สิ่งเหล่านี้จะอยู่บริเวณด้านบนของล้อหรือบริเวณแผงหน้าปัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า การออกแบบ และความถนัดของนักแข่ง 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก
https://www.thedrive.com/…/how-does-an-f1-steering…
และตัวอย่างพวงมาลัยสุดล้ำจาก Mercedes-AMG Petronas F1 Team 

TSS Library ความเป็นมาของ Halo

“วัคซีนที่มีไว้เพื่อป้องกันโรคนั้นดีกว่ายารักษาโรคฉันใด สิ่งที่ช่วยรักษาชีวิตนักแข่งไว้ได้ก็ย่อมดี
ฉันนั้น” Sir Jackie Stewart ตำนานวงการดีกรีแชมป์โลก Formula 1 ถึง 3 สมัยได้กล่าวไว้เมื่อตอนถือกำเนิดอุปกรณ์ความปลอดภัยบริเวณเหนือศีรษะของนักแข่งที่เรียกว่า “Halo” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการแข่งขัน Formula 1 กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/ความเป็นมาของ-halo/

ความเป็นมาของ Halo

“วัคซีนที่มีไว้เพื่อป้องกันโรคนั้นดีกว่ายารักษาโรคฉันใด สิ่งที่ช่วยรักษาชีวิตนักแข่งไว้ได้ก็ย่อมดี
ฉันนั้น” Sir Jackie Stewart ตำนานวงการดีกรีแชมป์โลก Formula 1 ถึง 3 สมัยได้กล่าวไว้เมื่อตอนถือกำเนิดอุปกรณ์ความปลอดภัยบริเวณเหนือศีรษะของนักแข่งที่เรียกว่า “Halo” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการแข่งขัน Formula 1

หลังการเสียชีวิตของ Roland Ratzenberger และ Ayrton Senna ตำนานนักแข่งชื่อดังระดับโลกที่ San Marino Grand Prix ในปี 1994 ด้วยระยะเวลาห่างกันเพียงวันเดียว ทำให้สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติหรือ FIA และฝ่ายจัดการแข่งขัน Formula 1 ได้มีการประชุมใหญ่ถึงระบบความปลอดภัยในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวรถ เพื่อทำให้การแข่งขัน Formula 1 นั้นมีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะสมัยก่อนมีเพียงหมวกกันน็อกเท่านั้นที่เป็นเกราะป้องกันจากวัตถุต่างๆ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งในบางเหตุการณ์ ก็ไม่สามารถหยุดยั้งภยันตรายไว้ได้

อย่างเช่น ในปี 2009 Felipe Massa อดีตรองแชมป์โลก Formula 1 ประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ในการแข่งขันที่ Hungaroring ประเทศ Hungary เมื่อมีชิ้นส่วนหลุดจากรถคันอื่นพุ่งเข้าใส่อย่างจังจน
กระโหลกศีรษะร้าว ทำให้ต้องพักการแข่งขันไปตลอดทั้งฤดูกาล แต่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีเหมือนนักแข่งชาวบราซิลคนนี้ เพราะในอีก 5 ปีถัดมาที่ Suzuka Circuit ประเทศญี่ปุ่น รถของ Jules Bianchi นักขับชาวฝรั่งเศสขณะเสียการควบคุมท่ามกลางสายฝน ก่อนพุ่งเสียบท้ายรถที่จอดยกรถอีกคันซึ่งประสบอุบัติเหตุก่อนหน้า เขาอยู่ในอาการโคม่าถึง 9 เดือน ก่อนเสียชีวิตในปี 2015 การสูญเสียดังกล่าว รวมถึงการเสียชีวิตของนักขับในการแข่งรถล้อเปิดรายการอื่นๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องคิดหาหนทางใหม่ที่จะช่วยลดอันตรายที่เกิดกับนักกีฬา เพื่อเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะได้ไม่เกิดซ้ำรอยอีก 

ด้วยการศึกษาจากหลายฝ่าย แม้จะได้ข้อสรุปตรงกันว่าต้องมีอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยในส่วนหน้ารถก่อนถึงตำแหน่งนักขับ แต่กว่าที่จะได้ข้อสรุปสุดท้ายที่เป็น “Halo” ก็กินระยะเวลาถึงหลายปีเลยทีเดียว ซึ่ง Halo นั้นถือเป็นไอเดียแรกที่เกิดขึ้นในปี 2015 โดยทีม Mercedes-AMG มหาอำนาจแห่งวงการรถสูตรหนึ่งในยุคปัจจุบัน ต้นแบบตัวแรกของ Halo นั้นทำมาจากเหล็ก ซึ่งสามารถรับแรงกระแทกจากยางน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ที่พุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วถึง 225 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ ก่อนที่จะมีการพัฒนาต้นแบบตัวที่สองในปีถัดมา โดยมีดีไซน์ที่เพรียวลงจากตัวแรกเล็กน้อย เพื่อช่วยให้ทัศนวิสัยของนักขับดียิ่งขึ้น 

อย่างไรก็ตาม Halo ก็ไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกเดียวที่ถูกนำเสนอ เพราะได้มีการพัฒนาตัวเลือกอื่นๆ ด้วยเช่นกัน โดยทีม Red Bull Racing ได้ออกแบบ Aeroscreen ขึ้นในปี 2016 มีลักษณะเป็นแผ่นกระจกตีขึ้นมาเพื่อปกป้องช่วงหน้าของศีรษะ ทว่าในปี 2017 พวกเขาได้สร้างอีกทางเลือกขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า Shield ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับ Aeroscreen แต่ไอเดียดังกล่าวไม่ได้รับตอบสนองจากทาง FIA มากเท่าไหร่นัก เพราะหลังจากการทดสอบเพียงไม่กี่ครั้ง FIA ก็ต้องล้มเลิกแนวคิดดังกล่าว เมื่อผู้ทดสอบอุปกรณ์ดังกล่าวเผยว่า มุมมองที่เห็นผ่าน Shield ทำให้รู้สึกวิงเวียน 

เมื่อเป็นเช่นนั้นทาง FIA จึงได้ข้อสรุปว่า Halo จะเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยใหม่ที่ติดกับรถ Formula 1 ทุกคัน รวมถึงซีรี่ส์อื่นๆ อย่าง Formula 2 ตั้งแต่ฤดูกาล 2018 เป็นต้นไป เช่นเดียวกับศึก Formula E จะเริ่มใช้แข่งขันตั้งแต่ฤดูกาล 2018-19 ขณะที่ Formula 3 เริ่มใช้เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2019 

แม้ทาง FIA จะมีมติให้ใช้ Halo แล้วก็ตาม ทว่ากลับมีนักขับและแฟนกีฬาหลายรายที่ต่อต้านไอเดียการใช้อุปกรณ์นี้ตั้งแต่ช่วงแรกที่มีการทดสอบทั้งเรื่องทัศนวิสัย รวมถึงความเคลือบแคลงสงสัยว่า มันจะทำให้นักแข่งปลอดภัยได้จริงหรือไม่ ก่อนที่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญจะมาถึงในการแข่งขันที่ Spa-Francorchamps เมื่อเกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบแรกรถของ Nico Hülkenberg ชนท้าย Fernando Alonso จนรถของแชมป์โลกรถสูตรหนึ่ง 2 สมัยลอยข้ามรถของ Charles Leclerc แต่เดชะบุญที่ไปเจอกับ Halo เสียก่อน ทำให้ Leclerc ไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงเลย ซึ่งข้อมูลที่ทาง FIA เปิดเผยหลังจบการแข่งขันระบุว่า แรงที่ส่วน Halo ของรถ Leclerc ที่ได้รับจากรถของ Alonso นั้นสูงถึง 56 กิโลนิวตัน หรือเทียบเท่าน้ำหนัก 5 ตันเลยทีเดียว แน่นอนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้เห็นถึงประโยชน์ของ Halo ทันที อย่างไรก็ตามในสนามต่อมาที่ Monza Halo ก็ได้แสดงผลงานอีกครั้งเมื่อรถของ Marcus Ericsson เสียการควบคุมในความเร็วสูงจนหลุดโค้งตีลังกาหลายตลบ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวได้มีส่วนช่วยให้นักขับชาวสวีเดนผู้นี้ออกจากรถได้อย่างไร้รอยขีดข่วน

แม้จะได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามแต่ Charlie Whiting ผู้ควบคุมการแข่งขันและหัวหน้าฝ่ายเทคนิคของ Formula 1 ในขณะนั้นก็ยืนยันว่าจะมีการพัฒนาปรับปรุงในส่วนของ Halo ต่อไปเพื่อให้มีความกลมกลืนกับตัวรถและเป็นมิตรต่อนักขับมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นทีมงานที่ดูแลเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยในการแข่ง Formula 1 ยังต้องค้นหาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อช่วยชีวิตนักแข่งอย่างต่อเนื่อง

เพราะในปี 2020 อีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงคุณูปการของ Halo ก็บังเกิดอีกครั้งในการแข่งที่ Bahrain Grand Prix เพราะหลังจากออกสตาร์ทเพียงไม่กี่โค้ง รถของ Romain Grosjean ได้ปีนล้อรถของ Daniil Kvyat จนเสียการควบคุมพุ่งใส่กำแพงเต็มแรงจนรถขาดเป็น 2 ท่อน เกิดไฟลุกท่วมแม้ภาพที่ออกมาจะน่ากลัวมากในสายตาทุกคน แต่เพียงเวลาไม่กี่วินาทีหลังเกิดอุบัติเหตุ Grosjean ก็สามารถปีนซากรถออกมาได้ด้วยตัวเองโดยมีเพียงแผลไหม้ที่มือกับข้อเท้าเท่านั้น เมื่อย้อนไปดูที่ซากรถซึ่งขาดเป็นสองท่อนก็พบว่า Halo นั้นคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา เพราะอุปกรณ์ชิ้นดังกล่าวได้ช่วยป้องกันศีรษะของ Grosjean ไม่ให้กระแทกเข้ากับกำแพงรั้ว อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยเปิดช่องให้นักขับออกจากซากรถด้วยตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก https://www.mainstand.co.th/catalog/6-VEHICLE/174

ข้อมูลเพิ่มเติม : ในปี 2022 ที่จะถึงนี้ ทาง FIA จะมีการบังค้บใช้ HALO ในรถ Formula 4 อีกด้วย

จากสนามออนไลน์สู่สนามจริงกับ “เทพแบงค์” ธนาธิป ธนลาภานันท์

ธนาธิป ธนลาภานันท์ หรือ แบงค์ นักแข่ง Digital Motorsport เจ้าของฉายา “เทพแบงค์ – bnwbankz” หนุ่มน้อยวัย 17 ที่หลงใหลในรถยนต์มาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นที่รู้จักตั้งแต่ตอนที่คว้าแชมป์ในรายการ F1 eSports Racing Champion League Thailand 2019 ซึ่งเป็นการทำผลงาน Perfect Race Perfect Season นั่นคือ สามารถคว้าแชมป์และทำ Fastest Lap ได้ครบทุกสนามของรายการ

จึงได้รับการทาบทามจากทีม Vattana Motorsport ให้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งของทีม

หลังจากนั้น “เทพแบงค์” ได้ฝากผลงานให้กับชาว Digital Motorsport มากมาย อาทิเช่น
– แชมป์ Drift รายการ Indonesian Digital Drift Series (IDDS) Special Stage
– แชมป์รายการ TSS Digital Racing รุ่น Pro Class
– แชมป์รายการ PT Maxnitron e-Sports Series 2020
– แชมป์รายการ Singha Speed Challenge F1
– แชมป์รายการ Motorsport Project-e 2021 Chill Race (SS1)
– รองแชมป์รายการ TCL Esports Shootout
– รองแชมป์รายการ Right2Race 2019
– ที่ 3 รายการ GP eRacing Series 2019 สนามสุดท้าย รอบ Final

รวมทั้งมีโอกาสเข้าร่วมรายการชื่อดังจากต่างประเทศ อาทิเช่น
– ผ่านการคัดตัวเข้าแคมป์ทีมชาติไทย แข่งเกม Assetto Corsa Competizione
– ได้รับ Pro-License และได้สิทธิ์แข่งดริฟท์ระดับโปรลีคของต่างประเทศ รายการ Virtual Drift
– ตัวแทนนักแข่งไทยแข่งเกมกับคุณ Pierre Gasly นักแข่งรถ Formula 1 ระดับโลก
– ได้รับประกาศนียบัตร PRO GAMER จากทาง FIA บนเวทีการประชุม FIA Sport Regional Congress Asia-Pacific 2019
– ตัวแทนนักแข่งไทยแข่งรายการระดับเอเชียรายการ GT World Challege Asia Esports 2020 เป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นกรณีพิเศษ

จนในที่สุดความฝันของ “แบงค์” ก็เป็นจริง เขาได้รับโอกาสจาก “คุณเอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” ผู้ก่อตั้ง Vattana Motorsport ให้ทดลองขับรถแข่งในสนามจริงเป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งอนาคตสำหรับ
“เทพแบงค์” จะสามารถเป็นหนึ่งในนักแข่งสังกัดทีม Vattana Motorsport กับรายการ Thailand Super Series หรือไม่นั้นสามารถติดตามกันได้ใน Facebook Fanpage : Thailand Super Series

ทำความรู้จักกับ “เดอะ เมี่ยง” ณัฐยศ ศิริกายะ คนแรกในประวัติศาสตร์ของไทยบนเวที Olympic Virtual

ณัฐยศ ศิริกายะ หรือ เมี่ยง นักแข่ง Digital Motorsport เจ้าของฉายา “เดอะ เมี่ยง – The Miang” ตัวแทนประเทศไทยคนแรกที่ติด 1 ใน 16 คน เข้าร่วมการแข่งขัน Olympic Virtual Series ซึ่ง Motorsport นั้นเป็น 1 ในกีฬาที่ถูกบรรจุเข้าสู่การแข่งขัน ร่วมกับเบสบอล, จักรยาน, พายเรือ และ เรือใบ โดยใช้เกม Gran Turismo Sport บนเครื่อง PlayStation 4 โดยคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ IOC ได้จัดการแข่งขัน Olympic Virtual Series ขึ้นเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์เพื่อ ตอบสนองแก่คนรุ่นใหม่และเป็นการชิมลางในการพิจารณานำ Esports เข้าสู่มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติในอนาคต

หลายคนที่คลุกคลีอยู่ในวงการ Digital Motorsport คงจะเคยได้ยินชื่อของ “เดอะ เมี่ยง” ตั้งแต่ตอนที่คว้าแชมป์ประเทศไทยในรายการ Nissan GT Academy Season 2 เมื่อปี 2015

ก่อนที่เขาจะผันตัวเองจากวงการแข่งรถออนไลน์ไป ระยะหนึ่ง และกลับมาสร้างชื่ออีกครั้งในรายการ
GP eRacing Series ที่จัดการแข่งขันขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2019

จนสามารถครองแชมป์ประเทศไทยคนแรกในกีฬาประเภท Digital Motorsport ชิงถ้วยพระราชทาน
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี มาได้สำเร็จ

รวมทั้งแชมป์ประเทศไทยในการแข่งขัน Gran Turismo Pro Series 2020 

ซึ่งเป้าหมายต่อไปของการแข่งขัน Digital Motorsport สำหรับ “เดอะ เมี่ยง” จะเป็นอย่างไรนั้นสามารถติดตามกันได้ใน Facebook Fanpage : The Miang และ Facebook Fanpage : Thailand Super Series

TSS Library ทำความรู้จักกับ Asphalt run-off zones

Run-off area มีไว้สำหรับรองรับความปลอดภัยในกรณีที่นักแข่งนั้นหลุดออกนอกแทร็คการแข่งขัน ซึ่ง Run-off area นั้นมีหลายประเภทด้วยกัน เช่น บ่อกรวด, หญ้า ตลอดจน แอสฟัลท์ (Asphalt) กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/ทำความรู้จักกับ-asphalt-run-off-zones/(opens in a new tab)

ทำความรู้จักกับ Asphalt run-off zones

Run-off area มีไว้สำหรับรองรับความปลอดภัยในกรณีที่นักแข่งนั้นหลุดออกนอกแทร็คการแข่งขัน ซึ่ง Run-off area นั้นมีหลายประเภทด้วยกัน เช่น บ่อกรวด, หญ้า ตลอดจน แอสฟัลท์ (Asphalt)

สำหรับคำว่า Asphalt (แอสฟัลท์) หรือ Binder (ไบน์เดอร์) เป็นศัพท์ที่ชาวอเมริกันใช้เรียกยางมะตอย แต่ชาวอังกฤษจะเรียกว่า Bitumen (บิทูเมน) เป็นวัสดุที่เกิดในธรรมชาติและผลพลอยได้จากการกลั่นน้ำมัน ซึ่งมีแหล่งกำเนิดจาก 3 แหล่งใหญ่ๆ คือ หินแอสฟัลท์ในธรรมชาติ (Rock Asphalt) ที่นำมาเผาเพื่อเอาแอสฟัลท์ออกมาจากแหล่งใต้ดิน ที่เป็นโดยบ่อแอสฟัลท์อยู่ลึกลงไปในดิน Lake Asphalt มีมากใน Trinidad ในสหราชอาณาจักร และจากการกลั่นน้ำมันดิบ หลังจากกลั่นเอาเบนซินและดีเซลออกไปที่เหลืออยู่จะได้ยาง แอสฟัลท์แข็ง (Asphalt Cement, AC.) ที่มีความเข้มข้นและแข็งต่างกันไปตามสภาพของแหล่งกำเนิด

Asphalt run-off zones คือ นวัตกรรมที่รองรับด้านความปลอดภัยในสนาม เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการยึดเกาะสูง และช่วยชะลอความเร็วของรถแข่งได้ในกรณีที่หลุดออกจากนอกแทร็ค ซึ่งภายใน Asphalt run-off zones จะมีแรงยึดเกาะที่แตกต่างกันออกไปโดยแยกตามสี ยกตัวอย่างเช่น ภายในสนาม Circuit Paul Ricard นั้น Asphalt run-off zones มีสีสันสวยงามมาก และที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน นั่นคือ สนามแห่งนี้ไม่มีบ่อกรวด โดยมีเส้นสีฟ้าหรือเรียกว่า Blue Line concept นั้นเป็น High grip run-off zone

เมื่อรถแข่งของนักแข่งที่หลุดออกนอกแทร็คจะมีแรงที่ยึดเกาะให้รถที่หลุดออกนอกแทร็คให้ช้าลงได้ โดยไม่ทำให้ตัวรถได้รับความเสียหาย แต่ถ้าหากหลุดออกนอกแทร็คบ่อยจะส่งผลต่อยางให้เกิด
การสึกหรอมากขึ้น และเส้นสีแดงนั้นเรียกว่า Ultra-high grip ซึ่งมีคุณสมบัติที่ยึดเกาะได้มากกว่า แต่ก็ทำให้ยางเกิดการสึกหรอมากกว่าเช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Facebook Fanpage : F1 Thailand Fanclub

TSS Library “รถยนต์บินได้ ”

หากมีใครพูดถึง “รถยนต์บินได้” เราคงจะนึกถึงแต่ในภาพยนตร์ และคงคิดในใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้ในชีวิต แต่วันนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว นั่นคือ “AirCar” ออกแบบโดย Stefan Klein ผู้ก่อตั้ง “Klein Vision” บริษัทวิจัยและพัฒนารถยนต์จากสโลวาเกีย กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/รถยนต์บินได้/