“วัคซีนที่มีไว้เพื่อป้องกันโรคนั้นดีกว่ายารักษาโรคฉันใด สิ่งที่ช่วยรักษาชีวิตนักแข่งไว้ได้ก็ย่อมดี
ฉันนั้น” Sir Jackie Stewart ตำนานวงการดีกรีแชมป์โลก Formula 1 ถึง 3 สมัยได้กล่าวไว้เมื่อตอนถือกำเนิดอุปกรณ์ความปลอดภัยบริเวณเหนือศีรษะของนักแข่งที่เรียกว่า “Halo” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการแข่งขัน Formula 1 กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/ความเป็นมาของ-halo/
Author: Thailand Super Series
ความเป็นมาของ Halo
“วัคซีนที่มีไว้เพื่อป้องกันโรคนั้นดีกว่ายารักษาโรคฉันใด สิ่งที่ช่วยรักษาชีวิตนักแข่งไว้ได้ก็ย่อมดี
ฉันนั้น” Sir Jackie Stewart ตำนานวงการดีกรีแชมป์โลก Formula 1 ถึง 3 สมัยได้กล่าวไว้เมื่อตอนถือกำเนิดอุปกรณ์ความปลอดภัยบริเวณเหนือศีรษะของนักแข่งที่เรียกว่า “Halo” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการแข่งขัน Formula 1

หลังการเสียชีวิตของ Roland Ratzenberger และ Ayrton Senna ตำนานนักแข่งชื่อดังระดับโลกที่ San Marino Grand Prix ในปี 1994 ด้วยระยะเวลาห่างกันเพียงวันเดียว ทำให้สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติหรือ FIA และฝ่ายจัดการแข่งขัน Formula 1 ได้มีการประชุมใหญ่ถึงระบบความปลอดภัยในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวรถ เพื่อทำให้การแข่งขัน Formula 1 นั้นมีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะสมัยก่อนมีเพียงหมวกกันน็อกเท่านั้นที่เป็นเกราะป้องกันจากวัตถุต่างๆ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งในบางเหตุการณ์ ก็ไม่สามารถหยุดยั้งภยันตรายไว้ได้

อย่างเช่น ในปี 2009 Felipe Massa อดีตรองแชมป์โลก Formula 1 ประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ในการแข่งขันที่ Hungaroring ประเทศ Hungary เมื่อมีชิ้นส่วนหลุดจากรถคันอื่นพุ่งเข้าใส่อย่างจังจน
กระโหลกศีรษะร้าว ทำให้ต้องพักการแข่งขันไปตลอดทั้งฤดูกาล แต่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีเหมือนนักแข่งชาวบราซิลคนนี้ เพราะในอีก 5 ปีถัดมาที่ Suzuka Circuit ประเทศญี่ปุ่น รถของ Jules Bianchi นักขับชาวฝรั่งเศสขณะเสียการควบคุมท่ามกลางสายฝน ก่อนพุ่งเสียบท้ายรถที่จอดยกรถอีกคันซึ่งประสบอุบัติเหตุก่อนหน้า เขาอยู่ในอาการโคม่าถึง 9 เดือน ก่อนเสียชีวิตในปี 2015 การสูญเสียดังกล่าว รวมถึงการเสียชีวิตของนักขับในการแข่งรถล้อเปิดรายการอื่นๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องคิดหาหนทางใหม่ที่จะช่วยลดอันตรายที่เกิดกับนักกีฬา เพื่อเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะได้ไม่เกิดซ้ำรอยอีก

ด้วยการศึกษาจากหลายฝ่าย แม้จะได้ข้อสรุปตรงกันว่าต้องมีอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยในส่วนหน้ารถก่อนถึงตำแหน่งนักขับ แต่กว่าที่จะได้ข้อสรุปสุดท้ายที่เป็น “Halo” ก็กินระยะเวลาถึงหลายปีเลยทีเดียว ซึ่ง Halo นั้นถือเป็นไอเดียแรกที่เกิดขึ้นในปี 2015 โดยทีม Mercedes-AMG มหาอำนาจแห่งวงการรถสูตรหนึ่งในยุคปัจจุบัน ต้นแบบตัวแรกของ Halo นั้นทำมาจากเหล็ก ซึ่งสามารถรับแรงกระแทกจากยางน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ที่พุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วถึง 225 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ ก่อนที่จะมีการพัฒนาต้นแบบตัวที่สองในปีถัดมา โดยมีดีไซน์ที่เพรียวลงจากตัวแรกเล็กน้อย เพื่อช่วยให้ทัศนวิสัยของนักขับดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม Halo ก็ไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกเดียวที่ถูกนำเสนอ เพราะได้มีการพัฒนาตัวเลือกอื่นๆ ด้วยเช่นกัน โดยทีม Red Bull Racing ได้ออกแบบ Aeroscreen ขึ้นในปี 2016 มีลักษณะเป็นแผ่นกระจกตีขึ้นมาเพื่อปกป้องช่วงหน้าของศีรษะ ทว่าในปี 2017 พวกเขาได้สร้างอีกทางเลือกขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า Shield ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับ Aeroscreen แต่ไอเดียดังกล่าวไม่ได้รับตอบสนองจากทาง FIA มากเท่าไหร่นัก เพราะหลังจากการทดสอบเพียงไม่กี่ครั้ง FIA ก็ต้องล้มเลิกแนวคิดดังกล่าว เมื่อผู้ทดสอบอุปกรณ์ดังกล่าวเผยว่า มุมมองที่เห็นผ่าน Shield ทำให้รู้สึกวิงเวียน

เมื่อเป็นเช่นนั้นทาง FIA จึงได้ข้อสรุปว่า Halo จะเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยใหม่ที่ติดกับรถ Formula 1 ทุกคัน รวมถึงซีรี่ส์อื่นๆ อย่าง Formula 2 ตั้งแต่ฤดูกาล 2018 เป็นต้นไป เช่นเดียวกับศึก Formula E จะเริ่มใช้แข่งขันตั้งแต่ฤดูกาล 2018-19 ขณะที่ Formula 3 เริ่มใช้เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2019

แม้ทาง FIA จะมีมติให้ใช้ Halo แล้วก็ตาม ทว่ากลับมีนักขับและแฟนกีฬาหลายรายที่ต่อต้านไอเดียการใช้อุปกรณ์นี้ตั้งแต่ช่วงแรกที่มีการทดสอบทั้งเรื่องทัศนวิสัย รวมถึงความเคลือบแคลงสงสัยว่า มันจะทำให้นักแข่งปลอดภัยได้จริงหรือไม่ ก่อนที่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญจะมาถึงในการแข่งขันที่ Spa-Francorchamps เมื่อเกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบแรกรถของ Nico Hülkenberg ชนท้าย Fernando Alonso จนรถของแชมป์โลกรถสูตรหนึ่ง 2 สมัยลอยข้ามรถของ Charles Leclerc แต่เดชะบุญที่ไปเจอกับ Halo เสียก่อน ทำให้ Leclerc ไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงเลย ซึ่งข้อมูลที่ทาง FIA เปิดเผยหลังจบการแข่งขันระบุว่า แรงที่ส่วน Halo ของรถ Leclerc ที่ได้รับจากรถของ Alonso นั้นสูงถึง 56 กิโลนิวตัน หรือเทียบเท่าน้ำหนัก 5 ตันเลยทีเดียว แน่นอนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้เห็นถึงประโยชน์ของ Halo ทันที อย่างไรก็ตามในสนามต่อมาที่ Monza Halo ก็ได้แสดงผลงานอีกครั้งเมื่อรถของ Marcus Ericsson เสียการควบคุมในความเร็วสูงจนหลุดโค้งตีลังกาหลายตลบ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวได้มีส่วนช่วยให้นักขับชาวสวีเดนผู้นี้ออกจากรถได้อย่างไร้รอยขีดข่วน

แม้จะได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามแต่ Charlie Whiting ผู้ควบคุมการแข่งขันและหัวหน้าฝ่ายเทคนิคของ Formula 1 ในขณะนั้นก็ยืนยันว่าจะมีการพัฒนาปรับปรุงในส่วนของ Halo ต่อไปเพื่อให้มีความกลมกลืนกับตัวรถและเป็นมิตรต่อนักขับมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นทีมงานที่ดูแลเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยในการแข่ง Formula 1 ยังต้องค้นหาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อช่วยชีวิตนักแข่งอย่างต่อเนื่อง

เพราะในปี 2020 อีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงคุณูปการของ Halo ก็บังเกิดอีกครั้งในการแข่งที่ Bahrain Grand Prix เพราะหลังจากออกสตาร์ทเพียงไม่กี่โค้ง รถของ Romain Grosjean ได้ปีนล้อรถของ Daniil Kvyat จนเสียการควบคุมพุ่งใส่กำแพงเต็มแรงจนรถขาดเป็น 2 ท่อน เกิดไฟลุกท่วมแม้ภาพที่ออกมาจะน่ากลัวมากในสายตาทุกคน แต่เพียงเวลาไม่กี่วินาทีหลังเกิดอุบัติเหตุ Grosjean ก็สามารถปีนซากรถออกมาได้ด้วยตัวเองโดยมีเพียงแผลไหม้ที่มือกับข้อเท้าเท่านั้น เมื่อย้อนไปดูที่ซากรถซึ่งขาดเป็นสองท่อนก็พบว่า Halo นั้นคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา เพราะอุปกรณ์ชิ้นดังกล่าวได้ช่วยป้องกันศีรษะของ Grosjean ไม่ให้กระแทกเข้ากับกำแพงรั้ว อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยเปิดช่องให้นักขับออกจากซากรถด้วยตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก https://www.mainstand.co.th/catalog/6-VEHICLE/174
ข้อมูลเพิ่มเติม : ในปี 2022 ที่จะถึงนี้ ทาง FIA จะมีการบังค้บใช้ HALO ในรถ Formula 4 อีกด้วย

จากสนามออนไลน์สู่สนามจริงกับ “เทพแบงค์” ธนาธิป ธนลาภานันท์
ธนาธิป ธนลาภานันท์ หรือ แบงค์ นักแข่ง Digital Motorsport เจ้าของฉายา “เทพแบงค์ – bnwbankz” หนุ่มน้อยวัย 17 ที่หลงใหลในรถยนต์มาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นที่รู้จักตั้งแต่ตอนที่คว้าแชมป์ในรายการ F1 eSports Racing Champion League Thailand 2019 ซึ่งเป็นการทำผลงาน Perfect Race Perfect Season นั่นคือ สามารถคว้าแชมป์และทำ Fastest Lap ได้ครบทุกสนามของรายการ

จึงได้รับการทาบทามจากทีม Vattana Motorsport ให้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งของทีม

หลังจากนั้น “เทพแบงค์” ได้ฝากผลงานให้กับชาว Digital Motorsport มากมาย อาทิเช่น
– แชมป์ Drift รายการ Indonesian Digital Drift Series (IDDS) Special Stage
– แชมป์รายการ TSS Digital Racing รุ่น Pro Class
– แชมป์รายการ PT Maxnitron e-Sports Series 2020
– แชมป์รายการ Singha Speed Challenge F1
– แชมป์รายการ Motorsport Project-e 2021 Chill Race (SS1)
– รองแชมป์รายการ TCL Esports Shootout
– รองแชมป์รายการ Right2Race 2019
– ที่ 3 รายการ GP eRacing Series 2019 สนามสุดท้าย รอบ Final

รวมทั้งมีโอกาสเข้าร่วมรายการชื่อดังจากต่างประเทศ อาทิเช่น
– ผ่านการคัดตัวเข้าแคมป์ทีมชาติไทย แข่งเกม Assetto Corsa Competizione
– ได้รับ Pro-License และได้สิทธิ์แข่งดริฟท์ระดับโปรลีคของต่างประเทศ รายการ Virtual Drift
– ตัวแทนนักแข่งไทยแข่งเกมกับคุณ Pierre Gasly นักแข่งรถ Formula 1 ระดับโลก
– ได้รับประกาศนียบัตร PRO GAMER จากทาง FIA บนเวทีการประชุม FIA Sport Regional Congress Asia-Pacific 2019
– ตัวแทนนักแข่งไทยแข่งรายการระดับเอเชียรายการ GT World Challege Asia Esports 2020 เป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นกรณีพิเศษ

จนในที่สุดความฝันของ “แบงค์” ก็เป็นจริง เขาได้รับโอกาสจาก “คุณเอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” ผู้ก่อตั้ง Vattana Motorsport ให้ทดลองขับรถแข่งในสนามจริงเป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งอนาคตสำหรับ
“เทพแบงค์” จะสามารถเป็นหนึ่งในนักแข่งสังกัดทีม Vattana Motorsport กับรายการ Thailand Super Series หรือไม่นั้นสามารถติดตามกันได้ใน Facebook Fanpage : Thailand Super Series





ทำความรู้จักกับ “เดอะ เมี่ยง” ณัฐยศ ศิริกายะ คนแรกในประวัติศาสตร์ของไทยบนเวที Olympic Virtual
ณัฐยศ ศิริกายะ หรือ เมี่ยง นักแข่ง Digital Motorsport เจ้าของฉายา “เดอะ เมี่ยง – The Miang” ตัวแทนประเทศไทยคนแรกที่ติด 1 ใน 16 คน เข้าร่วมการแข่งขัน Olympic Virtual Series ซึ่ง Motorsport นั้นเป็น 1 ในกีฬาที่ถูกบรรจุเข้าสู่การแข่งขัน ร่วมกับเบสบอล, จักรยาน, พายเรือ และ เรือใบ โดยใช้เกม Gran Turismo Sport บนเครื่อง PlayStation 4 โดยคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ IOC ได้จัดการแข่งขัน Olympic Virtual Series ขึ้นเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์เพื่อ ตอบสนองแก่คนรุ่นใหม่และเป็นการชิมลางในการพิจารณานำ Esports เข้าสู่มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติในอนาคต

หลายคนที่คลุกคลีอยู่ในวงการ Digital Motorsport คงจะเคยได้ยินชื่อของ “เดอะ เมี่ยง” ตั้งแต่ตอนที่คว้าแชมป์ประเทศไทยในรายการ Nissan GT Academy Season 2 เมื่อปี 2015

ก่อนที่เขาจะผันตัวเองจากวงการแข่งรถออนไลน์ไป ระยะหนึ่ง และกลับมาสร้างชื่ออีกครั้งในรายการ
GP eRacing Series ที่จัดการแข่งขันขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2019

จนสามารถครองแชมป์ประเทศไทยคนแรกในกีฬาประเภท Digital Motorsport ชิงถ้วยพระราชทาน
สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี มาได้สำเร็จ

รวมทั้งแชมป์ประเทศไทยในการแข่งขัน Gran Turismo Pro Series 2020

ซึ่งเป้าหมายต่อไปของการแข่งขัน Digital Motorsport สำหรับ “เดอะ เมี่ยง” จะเป็นอย่างไรนั้นสามารถติดตามกันได้ใน Facebook Fanpage : The Miang และ Facebook Fanpage : Thailand Super Series
TSS Library ทำความรู้จักกับ Asphalt run-off zones
Run-off area มีไว้สำหรับรองรับความปลอดภัยในกรณีที่นักแข่งนั้นหลุดออกนอกแทร็คการแข่งขัน ซึ่ง Run-off area นั้นมีหลายประเภทด้วยกัน เช่น บ่อกรวด, หญ้า ตลอดจน แอสฟัลท์ (Asphalt) กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/ทำความรู้จักกับ-asphalt-run-off-zones/(opens in a new tab)
ทำความรู้จักกับ Asphalt run-off zones

Run-off area มีไว้สำหรับรองรับความปลอดภัยในกรณีที่นักแข่งนั้นหลุดออกนอกแทร็คการแข่งขัน ซึ่ง Run-off area นั้นมีหลายประเภทด้วยกัน เช่น บ่อกรวด, หญ้า ตลอดจน แอสฟัลท์ (Asphalt)

สำหรับคำว่า Asphalt (แอสฟัลท์) หรือ Binder (ไบน์เดอร์) เป็นศัพท์ที่ชาวอเมริกันใช้เรียกยางมะตอย แต่ชาวอังกฤษจะเรียกว่า Bitumen (บิทูเมน) เป็นวัสดุที่เกิดในธรรมชาติและผลพลอยได้จากการกลั่นน้ำมัน ซึ่งมีแหล่งกำเนิดจาก 3 แหล่งใหญ่ๆ คือ หินแอสฟัลท์ในธรรมชาติ (Rock Asphalt) ที่นำมาเผาเพื่อเอาแอสฟัลท์ออกมาจากแหล่งใต้ดิน ที่เป็นโดยบ่อแอสฟัลท์อยู่ลึกลงไปในดิน Lake Asphalt มีมากใน Trinidad ในสหราชอาณาจักร และจากการกลั่นน้ำมันดิบ หลังจากกลั่นเอาเบนซินและดีเซลออกไปที่เหลืออยู่จะได้ยาง แอสฟัลท์แข็ง (Asphalt Cement, AC.) ที่มีความเข้มข้นและแข็งต่างกันไปตามสภาพของแหล่งกำเนิด

Asphalt run-off zones คือ นวัตกรรมที่รองรับด้านความปลอดภัยในสนาม เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการยึดเกาะสูง และช่วยชะลอความเร็วของรถแข่งได้ในกรณีที่หลุดออกจากนอกแทร็ค ซึ่งภายใน Asphalt run-off zones จะมีแรงยึดเกาะที่แตกต่างกันออกไปโดยแยกตามสี ยกตัวอย่างเช่น ภายในสนาม Circuit Paul Ricard นั้น Asphalt run-off zones มีสีสันสวยงามมาก และที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน นั่นคือ สนามแห่งนี้ไม่มีบ่อกรวด โดยมีเส้นสีฟ้าหรือเรียกว่า Blue Line concept นั้นเป็น High grip run-off zone

เมื่อรถแข่งของนักแข่งที่หลุดออกนอกแทร็คจะมีแรงที่ยึดเกาะให้รถที่หลุดออกนอกแทร็คให้ช้าลงได้ โดยไม่ทำให้ตัวรถได้รับความเสียหาย แต่ถ้าหากหลุดออกนอกแทร็คบ่อยจะส่งผลต่อยางให้เกิด
การสึกหรอมากขึ้น และเส้นสีแดงนั้นเรียกว่า Ultra-high grip ซึ่งมีคุณสมบัติที่ยึดเกาะได้มากกว่า แต่ก็ทำให้ยางเกิดการสึกหรอมากกว่าเช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Facebook Fanpage : F1 Thailand Fanclub
TSS Library “รถยนต์บินได้ ”
หากมีใครพูดถึง “รถยนต์บินได้” เราคงจะนึกถึงแต่ในภาพยนตร์ และคงคิดในใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้ในชีวิต แต่วันนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว นั่นคือ “AirCar” ออกแบบโดย Stefan Klein ผู้ก่อตั้ง “Klein Vision” บริษัทวิจัยและพัฒนารถยนต์จากสโลวาเกีย กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/รถยนต์บินได้/
รถยนต์บินได้
หากมีใครพูดถึง “รถยนต์บินได้” เราคงจะนึกถึงแต่ในภาพยนตร์ และคงคิดในใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้ในชีวิต แต่วันนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว นั่นคือ “AirCar” ออกแบบโดย Stefan Klein ผู้ก่อตั้ง “Klein Vision” บริษัทวิจัยและพัฒนารถยนต์จากสโลวาเกีย

“AirCar” มีลักษณะเหมือนรถยนต์ทั่วไป แต่มีปีกเครื่องบินซ่อนอยู่ด้านข้างของรถ และมีปลายหาง
เหมือนเครื่องบินที่สามารถยืดหดได้ เป็นยานพาหนะแบบ 2 ที่นั่ง (สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ไม่เกิน 200 กิโลกรัม) มาพร้อมกับเครื่องยนต์ BMW ที่มีกำลัง 160 แรงม้า และมีกลไกใบพัดที่ช่วยในการเหินฟ้า เสริมด้วยร่มชูชีพแบบ Ballistic ไว้ใช้ในเวลาฉุกเฉิน

“AirCar” ถูกนำมาทดสอบบินครั้งแรกในปี 2019 และได้มีการพัฒนาโดยตลอดจนกระทั่งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทางผู้พัฒนาได้จัดการทดสอบ การบินข้ามเมืองจากสนามบินในเมือง Nitra ไปยังสนามบินในเมือง Bratislava ขึ้นเป็นครั้งแรก ไกลกว่า 1,000 กิโลเมตร โดยใช้เวลาเพียง 35 นาที ด้วยความเร็วในการบินราว 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนระดับความสูง 2,500 เมตร และสามารถเปลี่ยนสภาพจากรถกลายเป็นเครื่องบินได้ภายใน 2:15 นาทีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม “AirCar” ยังมีข้อจำกัดอยู่ที่การขึ้นหรือลงจอดนั้นต้องอาศัยรันเวย์สนามบินเท่านั้น อีกทั้งบริษัทยังเตรียมเดินหน้าพัฒนา “AirCar” ต้นแบบรุ่นที่ 2 ซึ่งมีกำลังเครื่องยนต์ที่มากถึง 300 แรงม้า พร้อมด้วยใบรับรองอากาศยาน EASA CS-23 และใบอนุญาตขับขี่บนท้องถนนประเภท M1 กล่าวคือ สามารถใช้เป็นพาหนะส่วนบุคคลได้นั่นเอง

เป็นเวลากว่า 30 ปีที่ Klein Vision ได้วิจัยและพัฒนารถยนต์บินได้ นี่คือบทพิสูจน์ที่เปลี่ยน ภาพยนตร์ Sci-fi ที่เคยมีอยู่เฉพาะในจินตนาการให้กลายเป็นความจริง น่าติดตามตอนต่อไปว่ารถยนต์บินได้นั้นจะออกมาอย่างไร รวมทั้งเปลี่ยนแปลงการเดินทางของมนุษย์ในอนาคตไปได้มากแค่ไหน?

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก
https://www.unlockmen.com/aircar/
https://www.bbc.com/news/technology-57651843
หรือดูคลิปประกอบได้ที่ https://fb.watch/v/21rOrULMA/
TSS Library “สุดยอดสนามแข่งระดับโลก”
“สุดยอดสนามแข่งระดับโลก” ที่คนรักความเร็วห้ามพลาด!! ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต มี่ที่ไหนบ้างไปดูกัน กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/สุดยอดสนามแข่งระดับโลก/(opens in a new tab)
“สุดยอดสนามแข่งระดับโลก” ที่คนรักความเร็วห้ามพลาด!! ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต

Indianapolis Motor Speedway, USA
มี Layout สนามอยู่ 2 แบบด้วยกัน นั่นคือ “Rectangular Oval Track” มีระยะทาง 4.023 กิโลเมตร ประกอบด้วยโค้งทั้งหมด 4 โค้ง เป็นการวิ่งแบบทวนเข็มนาฬกา และ “Grand Prix Road Course” มีระยะทาง 3.925 กิโลเมตร ประกอบด้วยโค้งทั้งหมด 14 โค้ง เป็นการวิ่งแบบตามเข็มนาฬิกา

สนามที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก เป็นบ้านของการแข่งขัน NASCAR สุดโด่งดัง และรายการ Indy 500 ถือกำเนิดตั้งแต่ปี 1909

นับเป็นศูนย์รวมแห่งวงการมอเตอร์สปอร์ตอย่างแท้จริง ซึ่งในอดีตเคยเป็นสนามการแข่งขันระดับโลกอย่าง F1 มาก่อน แต่ในการจัดการแข่งขัน F1 นั้น จะมีการปรับเปลี่ยน Layout ของสนามจากเดิมที่เป็นทรงรี มาเป็น Layout ใหม่ที่มีจำนวนโค้งเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ยังเคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการ Moto GP ในช่วงปี 2008-2015 โดยจะใช้ Track layout สำหรับการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ซึ่งมีจำนวนโค้ง 16 โค้ง รวมระยะทาง 4.17 km ทิศทางวิ่งแบบทวนเข็มนาฬิกาซึ่งได้รับการรับรองจากสหพันธ์จักรยานยนต์ระหว่างประเทศ The Fédération Internationale de Motocyclisme (FIM)


Circuit de Spa-Francorchamps, Belgium
Circuit length 7.004 km.
Turns 19
ลักษณะการวิ่งตามเข็มนาฬิกา

เป็นสนามที่ใช้จัดการแข่งขัน F1 ครั้งแรกในปี 1925 และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันยกเว้นเพียงปี 2003 และ 2006 เท่านั้น

ถือเป็นสนามที่โปรดปรานของนักแข่งทั่วโลกเนื่องจากมีโค้งขึ้นเนินในตำนานที่เรียกว่า Eau Rogue

จนนักแข่งรุ่นเก่าได้ให้วลีเด็ดเอาไว้ว่า “เป็นโค้งที่ทำให้คุณเปลี่ยนจากวัยรุ่นมาเป็นผู้ชายอย่างเต็มตัว…ถ้าคุณสามารถผ่านมันได้นะ”

Suzuka International Racing Course, Japan
Circuit length 5.807 km
Turns 18
ลักษณะการวิ่งตามเข็มนาฬิกา
นอกจากนั้นยังสามารถปรับรูปแบบสนาม (Configuration) เป็นแบบ East Course มีระยะทางรวม 2.243 km และ West Course 3.475 km อีกด้วย

สนามเก่าแก่ระดับตำนานแห่งแดนอาทิตย์อุทัย ตั้งอยู่ในจังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1962 ถือเป็นสนามแข่งรถแห่งแรกในญี่ปุ่นที่รองรับการแข่งขันในระดับสากล

มีการรายการแข่งขันสุดดังของญี่ปุ่นมากมายมาจัดที่นี่ไม่ว่าจะเป็นรายการ Suzuka 8 Hours, Super GT, D1 Grand Prix, JAPANESE GRAND PRIX และที่ขาดไม่ได้คือ การแข่งขัน Formula 1

นอกจากนี้แล้วที่นี่ก็ยังมีโซนกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น สวนสนุก Motopia

Yas Marina Circuit, UAE
Circuit length 5.554 km
Turns 21
ทิศทางการวิ่งเป็นแบบทวนเข็มนาฬิกา

Abu Dhabi นครแห่งสีสัน เป็นที่ตั้งของสนามแห่งใหม่ในวงการ F1

สนามแห่งนี้เริ่มใช้ในการแข่งขันรถ F1 มาตั้งแต่ปี 2009

ภายใต้การแข่งขันในรูปแบบ Night Race


ซึ่งเป็นสนามแข่งรถ F1 แห่งที่ 2 ในตะวันออกกลางโดยสนามแรกอยู่ใน Bahrain

Chang International Circuit, Buriram
Circuit length 4.554 km
Turns 12
ทิศทางการวิ่งเป็นแบบตามเข็มนาฬิกา

สนามแห่งความภาคภูมิใจของชาวไทยและเป็นสนามที่คนไทยได้มีโอกาสสัมผัสกับเวทีการแข่งขันระดับโลกอย่างใกล้ชิด เป็นสนามแข่งรถแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองจากสมาพันธ์รถยนต์นานาชาติว่าเป็นสนามแข่งรถระดับมาตรฐาน FIA Grade 1

เป็นสนามที่อนุญาตให้ใช้จัดการแข่งขันระดับรถ Formula 1 รวมทั้งได้รับการรับรองจากสมาพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ (FIM) ว่าเป็นสนามแข่งรถระดับมาตรฐาน FIM Grade A

ซึ่งสามารถใช้จัดการแข่งขันระดับ Moto GP ได้อีกด้วย สนามแห่งนี้เปิดใช้อย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อปี 2014 เปิดตัวจากการแข่งขัน Super GT 2014

ก่อนที่จะตอกย้ำการแข่งขันเวทีระดับโลกด้วยรายการ World Superbike Championship 2015 และในปี 2018 ที่ผ่านมาได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับโลกอย่าง Moto GP 2018
