Author: Thailand Super Series

+++ประกาศรับสมัคร+++

+++ประกาศรับสมัคร+++
Racing Spirit-
กำลังหาผู้ร่วมงานในทีมบัญชีการเงิน จำนวน 2 คน

Qualifications
– คนรุ่นใหม่ไฟแรง
– ประสบการณ์ 1-3 ปี (บัญชี)
– ใช้ Express ได้จะพิจารณาเป็นพิเศษ
– ออกหน้างานต่างจังหวัดได้ส่ง CV

สมัครมาที่ : patchalit@racingspirit.co.th

ภาพยนตร์เรื่อง Ford v Ferrari

เข้าสู่ในช่วงล็อคดาวน์กันอีกครั้ง แอดเชื่อว่าหลายๆ คนกำลังหากิจกรรมทำในช่วงระหว่าง Work from home วันนี้แอดมีภาพยนตร์เรื่อง Ford v Ferrari มาแนะนำทุกท่านให้ชมเพื่อเป็นน้ำจิ้มก่อนที่ภาพยนต์ Fast and Furious 9 นั้นจะเข้าฉาย แต่ทว่าต้องมีอันเลื่อนออกไปอีกครั้ง

Ford v Ferrari ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงที่เกี่ยวกับกีฬามอเตอร์สปอร์ตอีกหนึ่งเรื่องซึ่งอิงประวัติศาสตร์ในยุค 60 เป็นการแข่งขันเพื่อชิงความเป็นที่หนึ่งของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์ นั่นคือ ฟอร์ด (Ford) จากฝั่งอเมริกา และ ค่ายยานยนต์เจ้ายักษ์ในอิตาลีอย่าง เฟอร์รารี่ (Ferrari) ในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระดับโลกอย่าง เลอม็องส์ (Le Mans) ในปี 1966

ทำให้เรื่องนี้ต้องถึงมือของ Ken Miles (รับบทโดย Christian Bale) นักแข่งและนักทดสอบรถชาวอังกฤษเลือดร้อนมากฝีมือ และ Carroll Shelby (รับบทโดย Matt Damon) อดีตแชมป์เลอม็องส์ที่ผันตัวมาเป็นวิศวกรออกแบบรถแข่ง ทั้ง 2 เข้ามารับหน้าที่ดูแล และพัฒนาเจ้าม้าเหล็กอย่าง Ford GT40 ตำนานรถแข่งที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้ Ford จนเป็นที่รู้จักในวงการมอเตอร์สปอร์ตและขยายฐานความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้

เขาทั้งสองต้องร่วมกันฝ่าฟันทั้งการแทรกแซงขององค์กรใหญ่ และกฎของฟิสิกส์เพื่อชิงตำแหน่งเจ้าความเร็วกับการแข่งขันสุดหฤโหดอย่าง Le Mans

มารอชมกันว่าเขาทั้งคู่ต้องข้ามผ่านอะไรบ้างกว่าที่จะคว้าความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในเวลานั้นมาได้ แอดเชื่อว่า Ford v Ferrari จะเป็นภาพยนตร์ที่ให้แรงบันดาลใจกับทุกคนได้แน่นอน ไม่ใช่แต่เฉพาะแฟนๆชาวมอเตอร์สปอร์ตไม่ควรพลาดเท่านั้น แต่แอดอยากให้ทุกคนที่กำลังวิ่งตามความฝันของตัวเองไปสัมผัสเรื่องราวของพวกเขากันครับ

TSS Library เส้นทางสู่ Formula 1 ที่สุดของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตทางเรียบ

How to become a Formula 1 Driver เส้นทางสู่ Formula 1 ที่สุดของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตทางเรียบ นักแข่ง, ชาวมอเตอร์สปอร์ต หรือผู้ที่หลงใหลในความเร็วทุกคนคงมีความฝันสูงสุดที่เหมือนกันคือ การเป็นนักแข่ง Formula 1 เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการแข่งขัน Formula 1 คือที่สุดของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตทางเรียบ ซึ่งถือเป็นการแข่งขันรถยนต์สี่ล้อที่ใช้ต้นทุนมหาศาล กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/how-to-become-a-formula-1-driver-เส้นทางสู่-formula-1-ที่สุดข/(opens in a new tab)

How to become a Formula 1 Driver เส้นทางสู่ Formula 1 ที่สุดของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตทางเรียบ

นักแข่ง, ชาวมอเตอร์สปอร์ต หรือผู้ที่หลงใหลในความเร็วทุกคนคงมีความฝันสูงสุดที่เหมือนกันคือ การเป็นนักแข่ง Formula 1 เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการแข่งขัน Formula 1 คือที่สุดของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตทางเรียบ ซึ่งถือเป็นการแข่งขันรถยนต์สี่ล้อที่ใช้ต้นทุนมหาศาล นอกจากนั้นยังเป็นศูนย์รวมเทคโนโลยีทางด้านยานยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุด และที่สำคัญที่สุดก็คือ การแข่งขัน Formula 1 ถือเป็นสังเวียนของนักแข่งระดับแนวหน้าของโลก ที่นักแข่งนั้นต้องแสดงทักษะการขับที่สั่งสมมาตลอดชีวิต เพื่อนำพาทีมแข่งขึ้นไปยืนอยู่บนโพเดียมให้ได้อย่างภาคภูมิ 

แน่นอนว่าเส้นทางที่จะได้มาซึ่งตำแหน่ง “นักขับ Formula 1” นั้น ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด นักแข่งที่ได้มีโอกาสมาขับ Formula 1 นั้น โดยพื้นฐานแล้วจะต้องได้รับการฝึกฝนทักษะการขับตั้งแต่อายุยังน้อย และจะต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้นนอกจากพรแสวงที่ต้องไขว่คว้ามาแล้ว “พรสวรรค์” ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักแข่งโดดเด่นขึ้นมา

นักแข่งที่จะก้าวเข้ามาใน Formula 1 ได้นั้นจำเป็นที่จะต้องสร้างผลงานในการแข่งขันในระดับอื่นๆ ก่อน รวมทั้งยังต้องสร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งทีมแข่ง, สปอนเซอร์ หรือผู้สนับสนุนเล็งเห็นความสามารถ และตัดสินใจเซ็นต์สัญญาว่าจ้างในการขับรถ Formula 1 ซึ่งโดยทั่วไปแล้วนักแข่ง Formula 1 หลายๆคน ผ่านการแข่งขัน ดังนี้

1.การแข่งขันโกคาร์ท

นักแข่ง Formula 1 อาจไม่ได้มีเส้นทางเดียวกันทั้งหมดทางเลือกอาจมีหลากหลาย แต่ทุกคนมักเริ่มจากการแข่งขันโกคาร์ท ไม่ว่าจะเป็น Lewis Hamilton แชมป์โลกคนล่าสุด หรือว่าจะเป็น Ayrton Senna นักแข่ง Formula 1 ระดับตำนานต่างก็เคยผ่านการแข่งขัน และเป็นแชมป์การแข่งขันโกคาร์ทระดับนานาชาติแล้วทั้งสิ้น

2.การแข่งขัน Formula 4

เป็นการแข่งขันรถล้อเปิดที่จัดขึ้นเพื่อนักแข่งรุ่นเยาว์เริ่มต้นที่อายุระหว่าง 15 – 19 ปีเท่านั้น นอกจากนี้การแข่งขัน Formula 4 ยังได้รับการขนานนาม และยอมรับว่าเป็นการแข่งขันที่พัฒนานักแข่งเยาวชนที่ดีที่สุดในโลก และที่สำคัญที่สุดการแข่งขันรายการนี้ยังสามารถเก็บสะสมแต้ม FIA F1 Super License ได้อีกด้วย

3.การแข่งขัน Formula 3

สังเวียนถัดมาก็คงจะเป็นการแข่งขันรถยนต์ที่นั่งเดี่ยวแบบล้อเปิดระดับนานาชาติ (Single Seater/ Open-wheel) เป็นการแข่งขันที่จำกัดเฉพาะนักแข่งหน้าใหม่เท่านั้น (Junior Drivers) นอกจากนั้นแล้วรถแข่งในคลาสนี้ยังถูกกำหนดให้มีสเปคใกล้เคียงกันที่สุด เพราะฉะนั้นนักแข่งจึงต้องอาศัยฝีมือเพื่อสร้างความได้เปรียบให้ได้มากที่สุด ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นนักแข่ง Formula 1 ผู้ที่เข้าแข่งขันในคลาสนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักแข่งมืออาชีพที่สามารถก้าวขึ้นสู่ที่นั่งใน Formula 2 โดยตรง หรือแม้แต่การทดสอบ Formula 1 และที่สุดของความสำเร็จในอาชีพนี้คือขึ้นไปนั่งใน Formula 1 เพราะหากนักแข่งนั้นทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในการแข่งขันหลังจากที่จบฤดูกาลก็จะได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมทีมแข่งของ Formula 1 โดยทันที

4.การแข่งขัน Formula 2

ถือเป็นชั้นที่สองของพีรามิดสำหรับการแข่งขันรถล้อเปิด โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างเส้นทางที่ชัดเจนสำหรับนักแข่งรถที่เริ่มตั้งแต่การแข่งขันโกคาร์ทเป็นต้นไปจนถึง FIA Formula 4, FIA Formula 3 ระดับภูมิภาค, FIA Formula 3, FIA Formula 2 และที่สุดของความสำเร็จนั่นคือ Formula 1 แมวมองสามารถเลือกนักขับเยาวชนที่โดดเด่นจาก Formula 2 หรือ Formula 3 มาร่วมทีมได้ แต่ถึงอย่างนั้น Formula 1 ไม่ได้มีกฎบังคับในการเลือกแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมานักแข่งหลายคนสามารถเข้ามาจากการแข่งขันรายการระดับเยาวชนอื่นๆ ได้เช่นกัน แต่มีกฎที่ทางสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) ผู้ควบคุมการแข่งขัน Formula 1 ตั้งไว้ เช่น การเก็บสะสมคะแนนให้ได้ตามที่กำหนด เพื่อให้ได้รับใบอนุญาตลงแข่ง Formula 1 หรือที่เรียกว่า Super License โดย FIA จะกำหนดรายการชิงแชมป์ที่จะสามารถได้รับคะแนนเพื่อมาสะสม

ทั้งหมดนี้คือบันไดของการเป็นนักแข่ง Formula 1 แม้จะดูเหมือนเป็นความฝันของใครหลายๆคน แต่กว่าจะได้มานั้นต้องใช้ประสบการณ์ ความสามารถ และความทุ่มเท รวมทั้งฝ่าฟันการแข่งขันที่สูงอย่างมากเพื่อสร้างความสำเร็จให้เป็นจริง

TSS Library ความแตกต่างของรถ Formula ระหว่าง F3 กับ F4

ความแตกต่างของรถ Formula ระหว่าง F3 กับ F4 วันนี้เรามาดูข้อมูลจำเพาะของรถแข่งประเภทนี้กัน กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/ความแตกต่างของรถ-formula-ระหว่/

TSS Library ทำความรู้จักกับสนาม Brands Hatch

ทำความรู้จักกับสนาม Brands Hatch ก่อนส่งแรงเชียร์ไปให้ “น้องเติ้น ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์” สนาม Brands Hatch ตั้งอยู่ในเมือง Kent ของประเทศอังกฤษ มีโครงสร้างสนามอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน นั่นคือ “Brands Hatch Indy Circuit” มีระยะทาง 1.928 กิโลเมตร (1.198 ไมล์) กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/red-bull-ring-ถิ่นกระทิงดุ

ทำความรู้จักกับสนาม Brands Hatch

ทำความรู้จักกับสนาม Brands Hatch ก่อนส่งแรงเชียร์ไปให้ “น้องเติ้น ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์”

สนาม Brands Hatch ตั้งอยู่ในเมือง Kent ของประเทศอังกฤษ มีโครงสร้างสนามอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน นั่นคือ “Brands Hatch Indy Circuit” มีระยะทาง 1.928 กิโลเมตร (1.198 ไมล์) ประกอบด้วยโค้งทั้งหมด 6 โค้ง และ “Brands Hatch Grand Prix Circuit” มีระยะทาง 3.916 กิโลเมตร (2.433 ไมล์) ประกอบด้วยโค้งทั้งหมด 9 โค้ง

สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1926 เป็นสนามแบบวิ่งทวนเข็มนาฬิกา ต่อมาในปี 1954 ได้มีการเปลี่ยนเป็นเป็นวิ่งแบบตามเข็มนาฬิกาแทน ในปี 2013 สนามแห่งนี้ได้กลายเป็น 1 ในไม่กี่สนามแข่งในโลกที่ได้จัดแข่ง Formula 1, Indycar และ NASCAR

ในปัจจุบันก็ยังคงเป็นสนามที่จัดการแข่งขันเกิดขึ้นมากมาย เช่น European DTM ซึ่งเป็นการแข่งขันรถทัวร์ริ่งที่เร็วที่สุดในโลก และการแข่งขัน GT World Challenge Europe

สนามแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในสนามของโลกที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดก็ว่าได้

นอกจากนี้ยังเป็นสนามที่มีนักแข่งในตำนานหลายคนได้มาเยือน และได้คว้าชัยชนะในสนามแข่งแห่งนี้มาตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา อาทิเช่น Stirling Moss, Jim Clark, Barry Sheene, Jack Brabham, Ayrton Senna, Jenson Button, Carl Fogarty และ Lewis Hamilton

มาร่วมลุ้น ร่วมเชียร์ “น้องเติ้น” ในการแข่งขัน British F4 R.7-9 ที่สนาม Brands Hatch (Indy Circuit) ได้ในวันที่ 26-27 มิถุนายนนี้ไปพร้อมๆ กันผ่านทาง Facebook Fanpage : Thailand Super Series

TSS Library Red Bull Ring ถิ่นกระทิงดุ

หลังจาก Formula 1 มีการแข่งขันที่ Circuit Paul Ricard เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายนผ่านมานั้น ทำเอาสาวกรถสูตรหนึ่งลุ้นกันแบบหายใจรดต้นคอ ใจจดใจจ่อแบบนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ เป็นผลให้หลายๆ คนตั้งหน้าตั้งตารอการแข่งขัน Formula 1 กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/red-bull-ring-ถิ่นกระทิงดุ

Red Bull Ring ถิ่นกระทิงดุ

หลังจาก Formula 1 มีการแข่งขันที่ Circuit Paul Ricard เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายนผ่านมานั้น ทำเอาสาวกรถสูตรหนึ่งลุ้นกันแบบหายใจรดต้นคอ ใจจดใจจ่อแบบนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ เป็นผลให้หลายๆ คนตั้งหน้าตั้งตารอการแข่งขัน Formula 1 สนามต่อไปที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายนนี้ ว่าแชมป์ 7 สมัยอย่าง Lewis Hamilton และทางทีมจะมีวิธีการจัดการอย่างไร ยิ่งโดยเฉพาะสนามต่อไปที่จะจัดขึ้นนั้นคือสนาม Red Bull Ring บ้านของกระทิงดุด้วยแล้วยิ่งห้ามพลาดโดยประการทั้งปวงครับ มาในวันนี้แอดจะขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับสนาม Red Bull Ring กัน เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนการแข่งขัน Formula 1 จะเกิดขึ้นครับ

Red Bull Ring ตั้งอยู่ที่เมือง Spielberg (สปิลเบิร์ก) ประเทศออสเตรียแต่เดิมมีชื่อว่า Osterreichring (อูสเตอร์รีชริง) สร้างขึ้นในปี 1969 ซึ่งแต่เดิมคือสนามบิน Zeltweg (เซลต์เวก) เป็นสนามที่มีความยาวเกือบ 6 กิโลเมตร สามารถทำความเร็วได้สูงมาก ต่อมาสนามดังกล่าวได้หายไปจากปฏิทินระหว่างปี 1988-1996 และพวกเขากลับมาอีกครั้งในปี 1997 ซึ่งผังสนามได้ถูกปรับเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น ความยาวสนามถูกลดทอนเหลือ 4.326 กิโลเมตรและได้เปลี่ยนชื่อสนามตามชื่อผู้สนับสนุนเป็น A1-Ring จนกระทั่งถึงปี 2003 ทางผู้จัดตัดสินใจให้การแข่งขันปีนั้นเป็นปีสุดท้าย เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีส่งผลกระทบต่อการบริหารการเงินของสนาม ตัวสนามจึงถูกทิ้งร้างและไม่ได้จัดการแข่งขันใดๆ ขึ้นเลย จนกระทั่ง Dietrich Mateschitz (ดีทริช มาเตชิตซ์) เจ้าของกิจการ Red Bull ได้ซื้อสนามแห่งนี้ไปและทำการปรับปรุงขึ้นใหม่จนทำให้สนามเปิดใช้งานสามารถรองรับการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตได้อีกครั้งในปี 2011 และสนามได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Red Bull Ring ในที่สุด 

ผังสนาม Red Bull Ring นั้นมีความยาวสนามต่อรอบอยู่ที่ 4.318 กิโลเมตร ประกอบด้วยโค้งทั้งหมด 10 โค้ง ถือเป็นเป็นพาวเวอร์แทร็คอย่างชัดเจน เนื่องด้วยทางตรงยาว 3 ช่วง ทางตรงของสนามมีความยาวสูงสุดถึง 930 เมตร รองมาอยู่ที่ 795 เมตรและ 766 เมตรตามลำดับ นอกจากนี้ทางตรงยังถูกคั่นด้วยโค้งหักศอก รถแข่งจะต้องเร่งเครื่องจากความเร็วต่ำอยู่หลายครั้ง ซึ่งนั่นทำให้กำลังเครื่องเป็นสิ่งสำคัญมากในสนามแห่งนี้

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก www.motortrivia.com