Author: Thailand Super Series

รถยนต์บินได้

หากมีใครพูดถึง “รถยนต์บินได้” เราคงจะนึกถึงแต่ในภาพยนตร์ และคงคิดในใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้ในชีวิต แต่วันนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว นั่นคือ “AirCar” ออกแบบโดย Stefan Klein ผู้ก่อตั้ง “Klein Vision” บริษัทวิจัยและพัฒนารถยนต์จากสโลวาเกีย

“AirCar” มีลักษณะเหมือนรถยนต์ทั่วไป แต่มีปีกเครื่องบินซ่อนอยู่ด้านข้างของรถ และมีปลายหาง
เหมือนเครื่องบินที่สามารถยืดหดได้ เป็นยานพาหนะแบบ 2 ที่นั่ง (สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ไม่เกิน 200 กิโลกรัม) มาพร้อมกับเครื่องยนต์ BMW ที่มีกำลัง 160 แรงม้า และมีกลไกใบพัดที่ช่วยในการเหินฟ้า เสริมด้วยร่มชูชีพแบบ Ballistic ไว้ใช้ในเวลาฉุกเฉิน

“AirCar” ถูกนำมาทดสอบบินครั้งแรกในปี 2019 และได้มีการพัฒนาโดยตลอดจนกระทั่งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทางผู้พัฒนาได้จัดการทดสอบ การบินข้ามเมืองจากสนามบินในเมือง Nitra ไปยังสนามบินในเมือง Bratislava ขึ้นเป็นครั้งแรก ไกลกว่า 1,000 กิโลเมตร โดยใช้เวลาเพียง 35 นาที ด้วยความเร็วในการบินราว 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนระดับความสูง 2,500 เมตร และสามารถเปลี่ยนสภาพจากรถกลายเป็นเครื่องบินได้ภายใน 2:15 นาทีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม “AirCar” ยังมีข้อจำกัดอยู่ที่การขึ้นหรือลงจอดนั้นต้องอาศัยรันเวย์สนามบินเท่านั้น อีกทั้งบริษัทยังเตรียมเดินหน้าพัฒนา “AirCar” ต้นแบบรุ่นที่ 2 ซึ่งมีกำลังเครื่องยนต์ที่มากถึง 300 แรงม้า พร้อมด้วยใบรับรองอากาศยาน EASA CS-23 และใบอนุญาตขับขี่บนท้องถนนประเภท M1 กล่าวคือ สามารถใช้เป็นพาหนะส่วนบุคคลได้นั่นเอง

เป็นเวลากว่า 30 ปีที่ Klein Vision ได้วิจัยและพัฒนารถยนต์บินได้ นี่คือบทพิสูจน์ที่เปลี่ยน ภาพยนตร์ Sci-fi ที่เคยมีอยู่เฉพาะในจินตนาการให้กลายเป็นความจริง น่าติดตามตอนต่อไปว่ารถยนต์บินได้นั้นจะออกมาอย่างไร รวมทั้งเปลี่ยนแปลงการเดินทางของมนุษย์ในอนาคตไปได้มากแค่ไหน?

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก
https://www.unlockmen.com/aircar/
https://www.bbc.com/news/technology-57651843

หรือดูคลิปประกอบได้ที่ https://fb.watch/v/21rOrULMA/

TSS Library “สุดยอดสนามแข่งระดับโลก”

“สุดยอดสนามแข่งระดับโลก” ที่คนรักความเร็วห้ามพลาด!! ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต มี่ที่ไหนบ้างไปดูกัน กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/สุดยอดสนามแข่งระดับโลก/(opens in a new tab)

“สุดยอดสนามแข่งระดับโลก” ที่คนรักความเร็วห้ามพลาด!! ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต

Indianapolis Motor Speedway, USA

มี Layout สนามอยู่ 2 แบบด้วยกัน นั่นคือ “Rectangular Oval Track” มีระยะทาง 4.023 กิโลเมตร ประกอบด้วยโค้งทั้งหมด 4 โค้ง เป็นการวิ่งแบบทวนเข็มนาฬกา และ “Grand Prix Road Course” มีระยะทาง 3.925 กิโลเมตร ประกอบด้วยโค้งทั้งหมด 14 โค้ง เป็นการวิ่งแบบตามเข็มนาฬิกา

สนามที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก เป็นบ้านของการแข่งขัน NASCAR สุดโด่งดัง และรายการ Indy 500 ถือกำเนิดตั้งแต่ปี 1909

นับเป็นศูนย์รวมแห่งวงการมอเตอร์สปอร์ตอย่างแท้จริง ซึ่งในอดีตเคยเป็นสนามการแข่งขันระดับโลกอย่าง F1 มาก่อน แต่ในการจัดการแข่งขัน F1 นั้น จะมีการปรับเปลี่ยน Layout ของสนามจากเดิมที่เป็นทรงรี มาเป็น Layout ใหม่ที่มีจำนวนโค้งเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ยังเคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการ Moto GP ในช่วงปี 2008-2015 โดยจะใช้ Track layout สำหรับการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ซึ่งมีจำนวนโค้ง 16 โค้ง รวมระยะทาง 4.17 km ทิศทางวิ่งแบบทวนเข็มนาฬิกาซึ่งได้รับการรับรองจากสหพันธ์จักรยานยนต์ระหว่างประเทศ The Fédération Internationale de Motocyclisme (FIM)

Circuit de Spa-Francorchamps, Belgium

Circuit length 7.004 km.

Turns 19

ลักษณะการวิ่งตามเข็มนาฬิกา

เป็นสนามที่ใช้จัดการแข่งขัน F1 ครั้งแรกในปี 1925 และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันยกเว้นเพียงปี 2003 และ 2006 เท่านั้น

ถือเป็นสนามที่โปรดปรานของนักแข่งทั่วโลกเนื่องจากมีโค้งขึ้นเนินในตำนานที่เรียกว่า Eau Rogue

จนนักแข่งรุ่นเก่าได้ให้วลีเด็ดเอาไว้ว่า “เป็นโค้งที่ทำให้คุณเปลี่ยนจากวัยรุ่นมาเป็นผู้ชายอย่างเต็มตัว…ถ้าคุณสามารถผ่านมันได้นะ”

Suzuka International Racing Course, Japan

Circuit length 5.807 km

Turns 18

ลักษณะการวิ่งตามเข็มนาฬิกา

นอกจากนั้นยังสามารถปรับรูปแบบสนาม (Configuration) เป็นแบบ East Course มีระยะทางรวม 2.243 km และ West Course 3.475 km อีกด้วย

สนามเก่าแก่ระดับตำนานแห่งแดนอาทิตย์อุทัย ตั้งอยู่ในจังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1962 ถือเป็นสนามแข่งรถแห่งแรกในญี่ปุ่นที่รองรับการแข่งขันในระดับสากล

มีการรายการแข่งขันสุดดังของญี่ปุ่นมากมายมาจัดที่นี่ไม่ว่าจะเป็นรายการ Suzuka 8 Hours, Super GT, D1 Grand Prix, JAPANESE GRAND PRIX และที่ขาดไม่ได้คือ การแข่งขัน Formula 1 

นอกจากนี้แล้วที่นี่ก็ยังมีโซนกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น สวนสนุก Motopia 

Yas Marina Circuit, UAE

Circuit length 5.554 km

Turns 21

ทิศทางการวิ่งเป็นแบบทวนเข็มนาฬิกา

Abu Dhabi นครแห่งสีสัน เป็นที่ตั้งของสนามแห่งใหม่ในวงการ F1

สนามแห่งนี้เริ่มใช้ในการแข่งขันรถ F1 มาตั้งแต่ปี 2009

ภายใต้การแข่งขันในรูปแบบ Night Race

ซึ่งเป็นสนามแข่งรถ F1 แห่งที่ 2 ในตะวันออกกลางโดยสนามแรกอยู่ใน Bahrain

Chang International Circuit, Buriram

Circuit length 4.554 km

Turns 12

ทิศทางการวิ่งเป็นแบบตามเข็มนาฬิกา

สนามแห่งความภาคภูมิใจของชาวไทยและเป็นสนามที่คนไทยได้มีโอกาสสัมผัสกับเวทีการแข่งขันระดับโลกอย่างใกล้ชิด เป็นสนามแข่งรถแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองจากสมาพันธ์รถยนต์นานาชาติว่าเป็นสนามแข่งรถระดับมาตรฐาน FIA Grade 1

เป็นสนามที่อนุญาตให้ใช้จัดการแข่งขันระดับรถ Formula 1 รวมทั้งได้รับการรับรองจากสมาพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ (FIM) ว่าเป็นสนามแข่งรถระดับมาตรฐาน FIM Grade A

ซึ่งสามารถใช้จัดการแข่งขันระดับ Moto GP ได้อีกด้วย สนามแห่งนี้เปิดใช้อย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อปี 2014 เปิดตัวจากการแข่งขัน Super GT 2014

ก่อนที่จะตอกย้ำการแข่งขันเวทีระดับโลกด้วยรายการ World Superbike Championship 2015 และในปี 2018 ที่ผ่านมาได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับโลกอย่าง Moto GP 2018

วันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔ วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี สำนักพระราชวัง

วันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔ วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี สำนักพระราชวัง

ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ วันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ https://wellwishes.royaloffice.th/ ระหว่างวันที่ ๑ – ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔

3 ยอดนักบิด สู่ 4 ล้อทางเรียบ!!

นักแข่งของรายการ Thailand Super Series นั้น มีหลายท่านเคยผ่านการแข่งขันประเภทอื่นๆมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Drag, Rally, Kart รวมถึงการแข่งขันประเภท 2 ล้อ แอดจะพาทุกท่านไปเจาะลึกถึงผลงานของทั้ง 3 ท่าน ในรูปแบบ 2 ล้อของพวกเขากัน ว่าแต่ละคนผ่านอะไรกันมาบ้าง

ริ่มต้นด้วยลูกพี่ใหญ่ของวงการ “พี่วัว ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ” เจ้าของฉายา “Mad Cow”จุดเริ่มต้นบนเส้นทางความเร็วโดยเริ่มจากการแข่งรถจักรยานยนต์ทางเรียบ กระทั่งคว้าแชมป์ที่มาเก๊า และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งฉายา “Mad Cow” ได้มาตั้งแต่การแข่งรถจักรยานยนต์ เพราะใช้ใจในการแข่ง และทุกครั้งต้องไปให้สุด

ย้อนไปเมื่ออายุ 12 ปี “พี่วัว” ได้เริ่มลงแข่งขันมอเตอร์ไซค์วิบากครั้งแรกแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง การลงแข่งครั้งนี้ทำให้พี่วัวได้เรียนรู้ถึงการเตรียมตัว และเตรียมความพร้อม ต่อมาได้ลงทำการแข่งขันเป็นครั้งที่ 2 พี่วัวสามารถทำผลงานได้เป็นอันดับที่ 3 ต่อมาในปี 1977 คุณอา วิชาญ ชัยทอง ซึ่งคุณอาเคยเป็นนักแข่งรถมาก่อน และเป็นช่างเครื่องที่เก่งมีความสามารถ ได้ให้โอกาสไปลองขี่ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ จนพี่วัวได้เข้าสังกัดทีม SUZUKI

จนถึงปี 1981 ได้ย้ายมาสังกัดกับทีม HONDA จนมาในปี 1984 ได้ย้ายสังกัดมาอยู่กับทีม KAWASAKI เรื่อยมาจนได้เปลี่ยนจากรถจักรยานยนต์วิบากเป็น รถจักรยานยนต์ทางเรียบและได้ลงแข่งขันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้มีโอกาสลงแข่งขันที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น และมาเก๊า

พี่วัวลงทำการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบที่มาเก๊าครั้งแรกในปี 1987 ในรุ่น 400 CC ต่อมาในปี 1988 ได้ขยับมาขี่รุ่น 600 CC จนกระทั่งปี 1989 ได้ขยับขึ้นมาในรุ่น 750 CC ซึ่งในตอนนั้นถือว่าเป็นรุ่นใหญ่ และพี่วัวสามารถคว้าแชมป์ Macau Grand Prix Superbike มาครองได้สำเร็จ และสามารถคว้าแชมป์ได้อีกถึง 2 ครั้งในปี 1991 และ 1993 ถือเป็นการอำลาการแข่งขันรถจักรยานยนต์ได้อย่างงดงาม

หลังจากนั้นจึงได้ผันตัวสู่การแข่งขันรถยนต์มาจนกระทั่งในปัจจุบันเหตุผลที่เลิกแข่งพี่วัวได้บอกว่า ก็เพราะด้วยวัยที่มากขึ้น และอยากสร้างนักแข่งรุ่นใหม่ขึ้นมาในวงการ 2 ล้อ รวมทั้งเรื่องของความปลอดภัยจึงตัดสินใจลงทำการแข่งขันรถยนต์แทน

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก รายการ ปั๊มถาม-น้าเบ๊ดตอบ!, http://www.xo-autosport.com/ และ MaxTV Podcast

หลังจากที่เราทราบถึงผลงานของ “พี่วัว ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ” ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์กันแล้ว วันนี้แอดมีอีก 1 หนุ่มขวัญใจสายดีเซลที่เคยฝากฝีไม้ลายมือในการแข่งขันรถจักรยานยนต์มาแนะนำทุกท่านครับ เขาคนนั้นคือ “โต้ง ธนวัฒน์ สุวรรณรัตน์” หรือที่หลายๆ คนเรียกเค้าว่า “โต้ง สตั้น

จุดเริ่มต้นบนเส้นทางมอเตอร์สปอร์ตของ โต้ง สตั้นมาจากการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบตั้งแต่อายุเพียง 12 ปี

จนสามารถขึ้นมาอยู่ใน Class B จึงหันมาขับโมโตครอส รุ่นมือใหม่

และได้ตระเวนแข่งตามจังหวัดต่างๆ ทว่าในช่วงระหว่างนั้นโต้งเริ่มมีความสนใจในเรื่องของรถยนต์เหมือนกัน

จึงได้เริ่มทำรถเพื่อลงทำการแข่งขันจนวันหนึ่ง ราวปี 2012 ได้รับการชักชวนจาก “ตั้ม Pro Speed” ในโปรเจคการทำรถแข่ง

จึงได้ตัดสินใจลองทำรถกระบะขึ้นมาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งลงแข่งครั้งแรกสามารถคว้าอันดับที่ 1-2 ได้สำเร็จ

หลังจากนั้นได้แข่งขันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งในปี 2016 “โต้ง สตั้น” ก็สามารถคว้าแชมป์ประจำปีในรายการ Thailand Super Series รุ่น Thailand Super Pick Up Overall และ Class B มาได้อย่างน่าประทับใจ

หากกล่าวถึงนักแข่งที่เคยฝากผลงานไว้ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์อีก 1 คนที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือ “ฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์” น้องใหม่ของรายการ Thailand Super Series แต่ว่าเป็นมือระดับพระกาฬของวงการ 2 ล้อก็ว่าได้

“ฟิล์ม รัฐภาคย์” บุตรชายคนโตของ “คริสมาส วิไลโรจน์” อดีตนักแข่งรถจักรยานยนต์ทางเรียบ
เขาเริ่มขับมอเตอร์ไซค์มาตั้งแต่อายุ 5 ปี โดยได้แชมป์การแข่งขันรถจักรยานยนต์โมโตครอส 50 CC รุ่นอายุไม่เกิน 10 ปี ในปี 1997 ฟิล์มได้เข้าร่วมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่น รายการ All Japan Road Racing Championship ในปี 2003 และ 2004 ในรุ่น 125 CC ต่อมาในปี 2005 และ 2006 ลงทำการแข่งขันในรุ่น 250 CC และ “ฟิล์ม”เป็นนักแข่งในสังกัดทีมฮอนด้า จากสถิติในการแข่งขันดังกล่าว “ฟิล์ม” จึงได้รับสิทธิ์จากสมาพันธ์กีฬาแข่งรถจักรยานยนต์ประเทศญี่ปุ่น ให้เข้าร่วมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก World Grand Prix 2006 เมื่อเดือนกันยายนปี 2006 โดยสามารถเค้าเข้าเส้นชัยได้ในลำดับที่ 10 จากนักแข่งทั้งหมด 32 คน

ต่อมาในปี 2007 “ฟิล์ม” ได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก รุ่น 250 CC ตลอดฤดูกาลสามารถทำคะแนนสะสมไปได้ 30 คะแนนจาก 18 สนาม มาเป็นอันดับที่ 17 ของการแข่งขัน “ฟิล์ม”เป็นนักแข่งในสังกัดทีม Thai Honda-PTT-SAG และในปีเดียวกันนั้น “ฟิล์ม” ยังได้รับรางวัลนักกีฬาอาชีพยอดเยี่ยมประจำปี 2550 จากการกีฬาแห่งประเทศไทย เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2550

จนกระทั่งฤดูกาล 2010 สมาพันธ์รถจักรยานยนต์นานาชาติ (FIM) ได้ยกเลิกการแข่งขันรุ่น 250 CC และได้เปลี่ยนเป็นการแข่งขันที่ใช้ชื่อว่า “MOTO 2” โดยกำหนดรถที่เข้าทำการแข่งขันนั้นให้ใช้เครื่องยนต์มาตรฐานขนาด 600 CC และ ซึ่ง“ฟิล์ม” ก็ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้าอันดับที่ 4 ที่ ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์มาได้

ต่อมาในฤดูกาล 2014 “ฟิล์ม” ได้ตัดสินใจลงแข่งขันรายการ World Superbike รุ่น World Super Sport 600 CC ซึ่งสนามสุดท้ายที่ Losail International Circuit ประเทศกาตาร์ “ฟิล์ม” ทำผลงานได้อย่างประทับใจ จบการแข่งขันเป็นอันดับที่ 2 ถือเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ขึ้นโพเดียมรายการระดับโลก เมื่อรวมคะแนนทั้งฤดูกาลแล้ว “ฟิล์ม” รั้งมาในอันดับที่ 9

จากนั้นในปี 2015 “ฟิล์ม” ได้สร้างความประทับใจสำหรับคนไทยอีกครั้ง โดยเค้าสามารถคว้าแชมป์ World Superbike ในรุ่น World SuperSport 600 CC ในสนาม Chang International Circuit มาได้ ซึ่งถือเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย เพราะเค้าถือเป็นนักบิดไทยคนแรกที่คว้าแชมป์โลกในบ้านเกิดตัวเอง 

มาในปี 2021 เค้าจะกลับมาอีกครั้งในฐานะนักแข่งรายการ Thailand Super Series รุ่น Thailand Super Compact 

“ฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์” เตรียมความพร้อมที่จะลงแข่งขันรายการ Thailand Super Series รุ่น Thailand Super Compact 

+++ประกาศรับสมัคร+++

+++ประกาศรับสมัคร+++
Racing Spirit-
กำลังหาผู้ร่วมงานในทีมบัญชีการเงิน จำนวน 2 คน

Qualifications
– คนรุ่นใหม่ไฟแรง
– ประสบการณ์ 1-3 ปี (บัญชี)
– ใช้ Express ได้จะพิจารณาเป็นพิเศษ
– ออกหน้างานต่างจังหวัดได้ส่ง CV

สมัครมาที่ : patchalit@racingspirit.co.th

ภาพยนตร์เรื่อง Ford v Ferrari

เข้าสู่ในช่วงล็อคดาวน์กันอีกครั้ง แอดเชื่อว่าหลายๆ คนกำลังหากิจกรรมทำในช่วงระหว่าง Work from home วันนี้แอดมีภาพยนตร์เรื่อง Ford v Ferrari มาแนะนำทุกท่านให้ชมเพื่อเป็นน้ำจิ้มก่อนที่ภาพยนต์ Fast and Furious 9 นั้นจะเข้าฉาย แต่ทว่าต้องมีอันเลื่อนออกไปอีกครั้ง

Ford v Ferrari ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงที่เกี่ยวกับกีฬามอเตอร์สปอร์ตอีกหนึ่งเรื่องซึ่งอิงประวัติศาสตร์ในยุค 60 เป็นการแข่งขันเพื่อชิงความเป็นที่หนึ่งของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์ นั่นคือ ฟอร์ด (Ford) จากฝั่งอเมริกา และ ค่ายยานยนต์เจ้ายักษ์ในอิตาลีอย่าง เฟอร์รารี่ (Ferrari) ในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระดับโลกอย่าง เลอม็องส์ (Le Mans) ในปี 1966

ทำให้เรื่องนี้ต้องถึงมือของ Ken Miles (รับบทโดย Christian Bale) นักแข่งและนักทดสอบรถชาวอังกฤษเลือดร้อนมากฝีมือ และ Carroll Shelby (รับบทโดย Matt Damon) อดีตแชมป์เลอม็องส์ที่ผันตัวมาเป็นวิศวกรออกแบบรถแข่ง ทั้ง 2 เข้ามารับหน้าที่ดูแล และพัฒนาเจ้าม้าเหล็กอย่าง Ford GT40 ตำนานรถแข่งที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้ Ford จนเป็นที่รู้จักในวงการมอเตอร์สปอร์ตและขยายฐานความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้

เขาทั้งสองต้องร่วมกันฝ่าฟันทั้งการแทรกแซงขององค์กรใหญ่ และกฎของฟิสิกส์เพื่อชิงตำแหน่งเจ้าความเร็วกับการแข่งขันสุดหฤโหดอย่าง Le Mans

มารอชมกันว่าเขาทั้งคู่ต้องข้ามผ่านอะไรบ้างกว่าที่จะคว้าความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในเวลานั้นมาได้ แอดเชื่อว่า Ford v Ferrari จะเป็นภาพยนตร์ที่ให้แรงบันดาลใจกับทุกคนได้แน่นอน ไม่ใช่แต่เฉพาะแฟนๆชาวมอเตอร์สปอร์ตไม่ควรพลาดเท่านั้น แต่แอดอยากให้ทุกคนที่กำลังวิ่งตามความฝันของตัวเองไปสัมผัสเรื่องราวของพวกเขากันครับ

TSS Library เส้นทางสู่ Formula 1 ที่สุดของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตทางเรียบ

How to become a Formula 1 Driver เส้นทางสู่ Formula 1 ที่สุดของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตทางเรียบ นักแข่ง, ชาวมอเตอร์สปอร์ต หรือผู้ที่หลงใหลในความเร็วทุกคนคงมีความฝันสูงสุดที่เหมือนกันคือ การเป็นนักแข่ง Formula 1 เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการแข่งขัน Formula 1 คือที่สุดของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตทางเรียบ ซึ่งถือเป็นการแข่งขันรถยนต์สี่ล้อที่ใช้ต้นทุนมหาศาล กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/how-to-become-a-formula-1-driver-เส้นทางสู่-formula-1-ที่สุดข/(opens in a new tab)

How to become a Formula 1 Driver เส้นทางสู่ Formula 1 ที่สุดของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตทางเรียบ

นักแข่ง, ชาวมอเตอร์สปอร์ต หรือผู้ที่หลงใหลในความเร็วทุกคนคงมีความฝันสูงสุดที่เหมือนกันคือ การเป็นนักแข่ง Formula 1 เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการแข่งขัน Formula 1 คือที่สุดของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตทางเรียบ ซึ่งถือเป็นการแข่งขันรถยนต์สี่ล้อที่ใช้ต้นทุนมหาศาล นอกจากนั้นยังเป็นศูนย์รวมเทคโนโลยีทางด้านยานยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุด และที่สำคัญที่สุดก็คือ การแข่งขัน Formula 1 ถือเป็นสังเวียนของนักแข่งระดับแนวหน้าของโลก ที่นักแข่งนั้นต้องแสดงทักษะการขับที่สั่งสมมาตลอดชีวิต เพื่อนำพาทีมแข่งขึ้นไปยืนอยู่บนโพเดียมให้ได้อย่างภาคภูมิ 

แน่นอนว่าเส้นทางที่จะได้มาซึ่งตำแหน่ง “นักขับ Formula 1” นั้น ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด นักแข่งที่ได้มีโอกาสมาขับ Formula 1 นั้น โดยพื้นฐานแล้วจะต้องได้รับการฝึกฝนทักษะการขับตั้งแต่อายุยังน้อย และจะต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้นนอกจากพรแสวงที่ต้องไขว่คว้ามาแล้ว “พรสวรรค์” ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักแข่งโดดเด่นขึ้นมา

นักแข่งที่จะก้าวเข้ามาใน Formula 1 ได้นั้นจำเป็นที่จะต้องสร้างผลงานในการแข่งขันในระดับอื่นๆ ก่อน รวมทั้งยังต้องสร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งทีมแข่ง, สปอนเซอร์ หรือผู้สนับสนุนเล็งเห็นความสามารถ และตัดสินใจเซ็นต์สัญญาว่าจ้างในการขับรถ Formula 1 ซึ่งโดยทั่วไปแล้วนักแข่ง Formula 1 หลายๆคน ผ่านการแข่งขัน ดังนี้

1.การแข่งขันโกคาร์ท

นักแข่ง Formula 1 อาจไม่ได้มีเส้นทางเดียวกันทั้งหมดทางเลือกอาจมีหลากหลาย แต่ทุกคนมักเริ่มจากการแข่งขันโกคาร์ท ไม่ว่าจะเป็น Lewis Hamilton แชมป์โลกคนล่าสุด หรือว่าจะเป็น Ayrton Senna นักแข่ง Formula 1 ระดับตำนานต่างก็เคยผ่านการแข่งขัน และเป็นแชมป์การแข่งขันโกคาร์ทระดับนานาชาติแล้วทั้งสิ้น

2.การแข่งขัน Formula 4

เป็นการแข่งขันรถล้อเปิดที่จัดขึ้นเพื่อนักแข่งรุ่นเยาว์เริ่มต้นที่อายุระหว่าง 15 – 19 ปีเท่านั้น นอกจากนี้การแข่งขัน Formula 4 ยังได้รับการขนานนาม และยอมรับว่าเป็นการแข่งขันที่พัฒนานักแข่งเยาวชนที่ดีที่สุดในโลก และที่สำคัญที่สุดการแข่งขันรายการนี้ยังสามารถเก็บสะสมแต้ม FIA F1 Super License ได้อีกด้วย

3.การแข่งขัน Formula 3

สังเวียนถัดมาก็คงจะเป็นการแข่งขันรถยนต์ที่นั่งเดี่ยวแบบล้อเปิดระดับนานาชาติ (Single Seater/ Open-wheel) เป็นการแข่งขันที่จำกัดเฉพาะนักแข่งหน้าใหม่เท่านั้น (Junior Drivers) นอกจากนั้นแล้วรถแข่งในคลาสนี้ยังถูกกำหนดให้มีสเปคใกล้เคียงกันที่สุด เพราะฉะนั้นนักแข่งจึงต้องอาศัยฝีมือเพื่อสร้างความได้เปรียบให้ได้มากที่สุด ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นนักแข่ง Formula 1 ผู้ที่เข้าแข่งขันในคลาสนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักแข่งมืออาชีพที่สามารถก้าวขึ้นสู่ที่นั่งใน Formula 2 โดยตรง หรือแม้แต่การทดสอบ Formula 1 และที่สุดของความสำเร็จในอาชีพนี้คือขึ้นไปนั่งใน Formula 1 เพราะหากนักแข่งนั้นทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในการแข่งขันหลังจากที่จบฤดูกาลก็จะได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมทีมแข่งของ Formula 1 โดยทันที

4.การแข่งขัน Formula 2

ถือเป็นชั้นที่สองของพีรามิดสำหรับการแข่งขันรถล้อเปิด โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างเส้นทางที่ชัดเจนสำหรับนักแข่งรถที่เริ่มตั้งแต่การแข่งขันโกคาร์ทเป็นต้นไปจนถึง FIA Formula 4, FIA Formula 3 ระดับภูมิภาค, FIA Formula 3, FIA Formula 2 และที่สุดของความสำเร็จนั่นคือ Formula 1 แมวมองสามารถเลือกนักขับเยาวชนที่โดดเด่นจาก Formula 2 หรือ Formula 3 มาร่วมทีมได้ แต่ถึงอย่างนั้น Formula 1 ไม่ได้มีกฎบังคับในการเลือกแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมานักแข่งหลายคนสามารถเข้ามาจากการแข่งขันรายการระดับเยาวชนอื่นๆ ได้เช่นกัน แต่มีกฎที่ทางสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) ผู้ควบคุมการแข่งขัน Formula 1 ตั้งไว้ เช่น การเก็บสะสมคะแนนให้ได้ตามที่กำหนด เพื่อให้ได้รับใบอนุญาตลงแข่ง Formula 1 หรือที่เรียกว่า Super License โดย FIA จะกำหนดรายการชิงแชมป์ที่จะสามารถได้รับคะแนนเพื่อมาสะสม

ทั้งหมดนี้คือบันไดของการเป็นนักแข่ง Formula 1 แม้จะดูเหมือนเป็นความฝันของใครหลายๆคน แต่กว่าจะได้มานั้นต้องใช้ประสบการณ์ ความสามารถ และความทุ่มเท รวมทั้งฝ่าฟันการแข่งขันที่สูงอย่างมากเพื่อสร้างความสำเร็จให้เป็นจริง

TSS Library ความแตกต่างของรถ Formula ระหว่าง F3 กับ F4

ความแตกต่างของรถ Formula ระหว่าง F3 กับ F4 วันนี้เรามาดูข้อมูลจำเพาะของรถแข่งประเภทนี้กัน กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/ความแตกต่างของรถ-formula-ระหว่/