Author: Thailand Super Series

TSS Library ทำความรู้จักกับสนาม Brands Hatch

ทำความรู้จักกับสนาม Brands Hatch ก่อนส่งแรงเชียร์ไปให้ “น้องเติ้น ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์” สนาม Brands Hatch ตั้งอยู่ในเมือง Kent ของประเทศอังกฤษ มีโครงสร้างสนามอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน นั่นคือ “Brands Hatch Indy Circuit” มีระยะทาง 1.928 กิโลเมตร (1.198 ไมล์) กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/red-bull-ring-ถิ่นกระทิงดุ

ทำความรู้จักกับสนาม Brands Hatch

ทำความรู้จักกับสนาม Brands Hatch ก่อนส่งแรงเชียร์ไปให้ “น้องเติ้น ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์”

สนาม Brands Hatch ตั้งอยู่ในเมือง Kent ของประเทศอังกฤษ มีโครงสร้างสนามอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน นั่นคือ “Brands Hatch Indy Circuit” มีระยะทาง 1.928 กิโลเมตร (1.198 ไมล์) ประกอบด้วยโค้งทั้งหมด 6 โค้ง และ “Brands Hatch Grand Prix Circuit” มีระยะทาง 3.916 กิโลเมตร (2.433 ไมล์) ประกอบด้วยโค้งทั้งหมด 9 โค้ง

สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1926 เป็นสนามแบบวิ่งทวนเข็มนาฬิกา ต่อมาในปี 1954 ได้มีการเปลี่ยนเป็นเป็นวิ่งแบบตามเข็มนาฬิกาแทน ในปี 2013 สนามแห่งนี้ได้กลายเป็น 1 ในไม่กี่สนามแข่งในโลกที่ได้จัดแข่ง Formula 1, Indycar และ NASCAR

ในปัจจุบันก็ยังคงเป็นสนามที่จัดการแข่งขันเกิดขึ้นมากมาย เช่น European DTM ซึ่งเป็นการแข่งขันรถทัวร์ริ่งที่เร็วที่สุดในโลก และการแข่งขัน GT World Challenge Europe

สนามแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในสนามของโลกที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดก็ว่าได้

นอกจากนี้ยังเป็นสนามที่มีนักแข่งในตำนานหลายคนได้มาเยือน และได้คว้าชัยชนะในสนามแข่งแห่งนี้มาตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา อาทิเช่น Stirling Moss, Jim Clark, Barry Sheene, Jack Brabham, Ayrton Senna, Jenson Button, Carl Fogarty และ Lewis Hamilton

มาร่วมลุ้น ร่วมเชียร์ “น้องเติ้น” ในการแข่งขัน British F4 R.7-9 ที่สนาม Brands Hatch (Indy Circuit) ได้ในวันที่ 26-27 มิถุนายนนี้ไปพร้อมๆ กันผ่านทาง Facebook Fanpage : Thailand Super Series

TSS Library Red Bull Ring ถิ่นกระทิงดุ

หลังจาก Formula 1 มีการแข่งขันที่ Circuit Paul Ricard เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายนผ่านมานั้น ทำเอาสาวกรถสูตรหนึ่งลุ้นกันแบบหายใจรดต้นคอ ใจจดใจจ่อแบบนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ เป็นผลให้หลายๆ คนตั้งหน้าตั้งตารอการแข่งขัน Formula 1 กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/red-bull-ring-ถิ่นกระทิงดุ

Red Bull Ring ถิ่นกระทิงดุ

หลังจาก Formula 1 มีการแข่งขันที่ Circuit Paul Ricard เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายนผ่านมานั้น ทำเอาสาวกรถสูตรหนึ่งลุ้นกันแบบหายใจรดต้นคอ ใจจดใจจ่อแบบนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ เป็นผลให้หลายๆ คนตั้งหน้าตั้งตารอการแข่งขัน Formula 1 สนามต่อไปที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายนนี้ ว่าแชมป์ 7 สมัยอย่าง Lewis Hamilton และทางทีมจะมีวิธีการจัดการอย่างไร ยิ่งโดยเฉพาะสนามต่อไปที่จะจัดขึ้นนั้นคือสนาม Red Bull Ring บ้านของกระทิงดุด้วยแล้วยิ่งห้ามพลาดโดยประการทั้งปวงครับ มาในวันนี้แอดจะขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับสนาม Red Bull Ring กัน เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนการแข่งขัน Formula 1 จะเกิดขึ้นครับ

Red Bull Ring ตั้งอยู่ที่เมือง Spielberg (สปิลเบิร์ก) ประเทศออสเตรียแต่เดิมมีชื่อว่า Osterreichring (อูสเตอร์รีชริง) สร้างขึ้นในปี 1969 ซึ่งแต่เดิมคือสนามบิน Zeltweg (เซลต์เวก) เป็นสนามที่มีความยาวเกือบ 6 กิโลเมตร สามารถทำความเร็วได้สูงมาก ต่อมาสนามดังกล่าวได้หายไปจากปฏิทินระหว่างปี 1988-1996 และพวกเขากลับมาอีกครั้งในปี 1997 ซึ่งผังสนามได้ถูกปรับเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น ความยาวสนามถูกลดทอนเหลือ 4.326 กิโลเมตรและได้เปลี่ยนชื่อสนามตามชื่อผู้สนับสนุนเป็น A1-Ring จนกระทั่งถึงปี 2003 ทางผู้จัดตัดสินใจให้การแข่งขันปีนั้นเป็นปีสุดท้าย เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีส่งผลกระทบต่อการบริหารการเงินของสนาม ตัวสนามจึงถูกทิ้งร้างและไม่ได้จัดการแข่งขันใดๆ ขึ้นเลย จนกระทั่ง Dietrich Mateschitz (ดีทริช มาเตชิตซ์) เจ้าของกิจการ Red Bull ได้ซื้อสนามแห่งนี้ไปและทำการปรับปรุงขึ้นใหม่จนทำให้สนามเปิดใช้งานสามารถรองรับการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตได้อีกครั้งในปี 2011 และสนามได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Red Bull Ring ในที่สุด 

ผังสนาม Red Bull Ring นั้นมีความยาวสนามต่อรอบอยู่ที่ 4.318 กิโลเมตร ประกอบด้วยโค้งทั้งหมด 10 โค้ง ถือเป็นเป็นพาวเวอร์แทร็คอย่างชัดเจน เนื่องด้วยทางตรงยาว 3 ช่วง ทางตรงของสนามมีความยาวสูงสุดถึง 930 เมตร รองมาอยู่ที่ 795 เมตรและ 766 เมตรตามลำดับ นอกจากนี้ทางตรงยังถูกคั่นด้วยโค้งหักศอก รถแข่งจะต้องเร่งเครื่องจากความเร็วต่ำอยู่หลายครั้ง ซึ่งนั่นทำให้กำลังเครื่องเป็นสิ่งสำคัญมากในสนามแห่งนี้

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก www.motortrivia.com

ท็อป ธนาตย์ เสถียรถิระกุล

“ท็อป ธนาตย์ เสถียรถิระกุล” ทายาทอดีตนักแข่งรถของไทย “มงคล เสถียรถิระกุล” หนุ่มที่รักการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจ

เริ่มหัดขับรถโกคาร์ทตั้งแต่อายุ 9 ปี มาในปี 2003 “ท็อป” ลงทำการแข่งขันในประเทศไทยครั้งแรก หลังจากนั้นได้กวาดรางวัลทั้งในและนอกประเทศมาจนนับไม่ถ้วนจนสามารถครองอันดับที่ 8 ของโลกในการแข่งขันโกคาร์ท 2011 ได้

กระทั่งอายุได้ 19 ปีจึงตัดสินใจลงแข่ง Formula Renault Northern European Championships 2012 และ 2013 รวมทั้งรายการ Formula Master China 2013 อีกด้วย

หลังจากนั้นในปี 2014 จึงตัดสินใจก้าวมาสู่การแข่งขัน Formula 3 จนถึงปี 2016

มาในปี 2021 นี้ “ท็อป” จะลงทำการแข่งขันในรายการ Thailand Super Series ซึ่ง “ท็อป” ได้บอกกับแอดถึงความแตกต่างระหว่างรถล้อปิดและรถล้อเปิดว่า “ความรู้สึกที่เห็นได้ชัดนั้นก็คือ Downforce จาก Aero Kit เเละความไวของพวงมาลัย”

รถแข่งล้อเปิดสามารถตั้ง Camber ได้เยอะกว่าค่อนข้างมาก เวลานั่งล้อเปิดเรานั่งตํ่ามาก ทำให้เราสามารถที่จำจังหวะได้ดีกว่า เเล้วก็เข้าโค้งได้เร็วกว่าพวกล้อปิด

สามารถติดตามข่าวสารของวงการมอเตอร์สปอร์ตได้ทาง Facebook Fanpage : Thailand Super Series

“บูม กันตธีร์ กุศิริ”

“บูม กันตธีร์ กุศิริ” หนึ่งในนักแข่งมากความสามารถของทีม AAS Motorsport เป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่เคยลงทำการแข่งขัน และฝากผลงานรถล้อเปิดให้กับชาวมอเตอร์สปอร์ตไทยมาแล้ว

หนุ่มมาดเข้มคนนี้เริ่มขับรถคันแรกตอนที่เขาอายุ 10 ปี โดยมีคุณพ่อของเขาเป็นคุณครูคนแรก “บูม” ลงสนามแข่งครั้งแรกเมื่อเขาอายุ 13 ปี หรือประมาณปี 2007 เพื่อฝึกฝนและพัฒนาฝีมือมาเรื่อยๆ

กระทั่งปี 2010 ที่เค้าตัดสินใจลงทำการแข่งขันอย่างจริงจังจนสามารถคว้าแชมป์ประจำปีมาครองได้สำเร็จ และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นบนเส้นทางความฝันสายมอเตอร์สปอร์ตของเขา

มาในช่วงปี 2015-2016 “บูม” ลงทำการแข่งขัน Formula3 ในรายการ EURO FORMULA OPEN นำผลงานที่น่าประทับใจให้กับสาวกมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ดังนี้ อันดับ 3 Rookies ที่สนาม Spa-Francorchamps ประเทศเบลเยี่ยม, อันดับ 2 Rookies ที่สนาม Catalunya ประเทศสเปน และอันดับ 5 Overall ที่สนาม Silverstone ประเทศอังกฤษ

ผลงานที่น่าประทับใจ อันดับ 3 Rookies ที่สนาม Spa-Francorchamps ประเทศเบลเยี่ยม

ผลงานที่น่าประทับใจ อันดับ 2 Rookies ที่สนาม Catalunya ประเทศสเปน

สำหรับในปี 2021 นี้ “บูม” จะลงทำการแข่งขันในรายการ Thailand Super Series ในรุ่นใดนั้นสามารถติดตามกันได้ทาง Facebook Fanpage : Thailand Super Series

แซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค กับรถ Formula แบบล้อเปิด

หากพูดถึงที่สุดของการแข่งขันรถยนต์คงจะหนีไม่พ้นการแข่งขัน Formula 1 ซึ่งถือเป็นความฝันอันสูงสุดของนักแข่งทุกคนแน่นอน แต่จะมีซักกี่คนที่เดินทางตามเส้นทางความฝันในการแข่งขันรถล้อเปิดไม่ว่าจะเป็น Formula 4, Formula 3, หรือ Formula 2 ก็ตาม วันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับนักแข่งที่ทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงได้บนเส้นทางรถล้อเปิดกัน..

เริ่มต้นกันที่นักแข่งหนุ่มหล่อที่ชาวมอเตอร์สปอร์ตรู้จักกันเป็นอย่างดี นั่นคือ แซนดี้ สตูวิค หนุ่มลูกครึ่งไทย-นอร์เวย์ ที่คว้าตำแหน่งแชมป์ประจำปีของรายการ Thailand Super Series ในรุ่น Thailand Supercar GT3 ของปี 2019 และปี 2020 มาได้ถึง 2 ปีซ้อน แซนดี้เริ่มขับรถครั้งแรกเมื่อเขาอายุได้เพียง 4 ปีเท่านั้น โดยเริ่มต้นจากโกคาร์ทจน และลงแข่งขันครั้งแรกเมื่อเข้าอายุ 6 ปี แซนดี้สามารถคว้าที่ 3 มาครองได้อย่างไม่คาดคิด เมื่อแซนดี้อายุได้ 13 ปี เขาได้รับชัยชนะจากการแข่งขัน Asian Karting Championship และคว้าถ้วยรางวัลในเมืองไทยมาครองมากมาย 

นั่นคือจุดเปลี่ยนให้เขาขยับขึ้นสู่ระดับฟอร์มูล่าอย่างจริงจัง เมื่อย่างเข้า 15 ปี แซนดี้ได้เข้าร่วมการแข่งขัน Asian Formula Renault 2010 โดยมีโค้ชชาวฝรั่งเศส ฟิลิป เดคองเบ้ (Philippe Descombes) ซึ่งเป็นอดีตแชมป์ Formula 3 ทำหน้าที่ครูฝึก แซนดี้ถือเป็นนักแข่งที่อายุน้อยที่สุดแห่งทำเนียบที่สามารถคว้าแชมป์ Asian Formula Renault 2010 มาครอง โดยเป็นคนไทยคนแรกที่คว้าแชมป์นี้ได้สำเร็จ

ต่อมาแซนดี้ได้ตัดสินใจเข้าแข่งขันใน Formula Renault Euro Cup 2011 ถือเป็นคนไทยคนแรกที่ได้เข้าร่วมในซีรีส์ดังกล่าวสิ้นสุดฤดูกาลเขาคว้าอันดับที่ 28 มาครอง

ในปี 2012 เขามุ่งมั่นในการแข่ง Formula Renault Northern European Cup เขาได้เข้ารับการฝึกความพร้อมของทั้งร่างกายและจิตใจ จาก เฮลมุท ฟิงค์ (Helmut Fink) เทรนเนอร์ส่วนตัวชื่อดังที่เคยฝึกบรรดานักขับ F1 หลายคนมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น S. Vettel, N. Heidfeld, C. Fisichella, HH. Frentzen, F. Massa, S. Buemi และ B. Senna 

นอกจากนี้แซนดี้ยังมีโอกาสร่วมงานกับอดีตนักขับทดสอบ Formula 1 ซึ่งปัจจุบันเป็นนักขับ LMP1 อย่าง นีล จานี มาเป็นโค้ชส่วนตัว เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพของแซนดี้ให้แข็งแกร่งมากขึ้นสิ้นสุดฤดูกาลแซนดี้สามารถไต่ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 14 ซึ่งสามารถเห็นพัฒนาการและความก้าวหน้าจากปี 2011 ของผู้ชายคนนี้ได้อย่างชัดเจน

ในปี 2013 แซนดี้ลงชิงชัยในการแข่งขัน European Formula 3 open ที่ยุโรป ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นที่น่าภาคภูมิใจแก่ประเทศไทยคว้าตำแหน่งรองแชมป์มาได้เป็นผลสำเร็จ แต่แซนดี้ยังมีอนาคตอีกไกล เส้นทางความฝันในวัยเด็กของเขาที่อยากจะไปสู่ Formula 1 มีความหวังมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแซนดี้ได้มีโอกาสไปทดสอบ GP2 Testing ช่วงปลายปี 2013 ที่ Abu Dhabi 

ผลการทดสอบเป็นที่ยอมรับของทีมและพร้อมอ้าแขนให้แซนดี้เข้าร่วมสังกัด หากมีโอกาสขึ้นไปสู่ GP2 ซึ่งเป็นซีรีส์ที่รองลงมาจาก F1 แซนดี้ก็มีโอกาสที่ถูกแมวมองดึงตัวขึ้นไปสู่ F1 ได้ไม่ยากแต่ทว่าเงินสนับสนุนในการขึ้นสู่ระดับ GP2 นั้น เรียกได้ว่าต้องใช้จำนวนเงินมหาศาล และเกินกำลังที่จะสามารถเลื่อนชั้นขึ้นไปได้ 

มาในปี 2014 แซนดี้จึงตัดสินใจลงทำการแข่งขัน F3 อีกครั้งเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในสนาม ซึ่งเป็นสนามระดับ F1 เช่นกัน จนสามารถครองตำแหน่งแชมป์ควบทั้ง European Formula 3 open และ Spanish Formula 3 ประจำปี 2014 มาได้ นับเป็นคนไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ Formula 3 ถือเป็นการเปิดบันทึกหน้าใหม่ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย 

TSS Library รถ F3 หรือ Formula 3 คืออะไร? หน้าตาเป็นแบบไหน..อย่างไร..

Formula 3 เป็นคลาสที่ 3 ของการแข่งขันรถล้อเปิด ซึ่งจัดการแข่งขันขึ้นในทวีปยุโรป, ออสเตรเลีย, อเมริกาใต้ และเอเชีย ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นนักแข่งรถสูตรหนึ่ง หรือ Formula 1 กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย… https://www.thailandsuperseries.net/รถ-f3-หรือ-formula-3-คืออะไร-หน้าตาเ/(opens in a new tab

รถ F3 หรือ Formula 3 คืออะไร? หน้าตาเป็นแบบไหน..อย่างไร..

Formula 3 เป็นคลาสที่ 3 ของการแข่งขันรถล้อเปิด ซึ่งจัดการแข่งขันขึ้นในทวีปยุโรป, ออสเตรเลีย, อเมริกาใต้ และเอเชีย ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นนักแข่งรถสูตรหนึ่ง หรือ Formula 1 ผู้ที่เข้าแข่งขันในคลาสนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักแข่งมืออาชีพที่สามารถก้าวขึ้นสู่ที่นั่งใน Formula 2 โดยตรง หรือแม้แต่การทดสอบ Formula 1 และที่สุดของความสำเร็จในอาชีพนี้คือขึ้นไปนั่งใน Formula 1

Formula 3 ถูกกำหนดขึ้นโดยสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ FIA ในปี 1950 พัฒนามาจากการแข่งรถหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งโครงรถนั้นมีน้ำหนักเบา และขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์ขนาด 500 ซีซี แต่ในปัจจุบันนั้นตัวรถจะมีตัวป้องกันส่วนหน้าคนขับหรือที่เราเรียกว่า “Halo” (เฮโล) เพิ่มเข้ามาพร้อมกับระบบ DRS เต็มรูปแบบเหมือนกับ Formula 1 และ Formula 2

ส่วนเครื่องยนต์ในรถสูตร 3 ได้ถูกพัฒนาเป็นเครื่องยนต์แบบ 6 สูบขนาด 3.4 ลิตรทั้งหมด ซึ่งเครื่องยนต์จะต้องเป็นเครื่องยนต์ที่มีอยู่ในสายการผลิตจากค่ายรถยนต์ และเครื่องยนต์จะต้องถูกปิดผนึกเครื่องโดยผู้จัดการแข่งขันอีกด้วย จึงทำให้ทีมแข่งนั้นไม่สามารถทำการปรับแต่งเครื่องยนต์ได้

Formula 3