ถอดรหัสความซับซ้อนของพวงมาลัยรถ Formula 1

กล่าวกันว่า “ไม่มีกีฬาใดเหมือน Formula 1 อีกแล้วถึงแม้ว่าจะมีกีฬา Motorsport อื่นๆ ที่ยากลำบากก็ตาม” ด้วยเหตุผลยกให้ Formula 1 เป็นสุดยอดแห่ง Motorsport นั้นเนื่องจากนักแข่งต้องพารถของตนฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ อันดุเดือด รวมทั้งกระบวนการการทำงานของรถนับพันประการในขณะที่รถนั้นวิ่งอยู่ ความต้องการเหล่านั้นไม่ได้มาจาก Pit Wall หรือเหล่าวิศวกรผู้อยู่เบื้องหลังเท่านั้น หากแต่มาจากเจ้าชิ้นส่วนเล็กๆ ที่ผลิตมาจาก คาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีราคาสูงลิบ สิ่งนั้นคือ พวงมาลัย นั่นเอง

จะมาพูดถึงส่วนต่างๆ อันสลับซับซ้อนของพวงมาลัย Formula 1 เพื่อให้ทุกท่านเข้าใจมากขึ้น เช่น strat, entry, mark, overtake ไปถึง DRS รวมทั้งปุ่มบนพวงมาลัยเหล่านี้ทำหน้าที่อะไรบ้าง

• Strat Settings
ในทุกๆ เรซล้วนมีลักษณะเฉพาะสนามที่แตกต่างกันไป จึงต้องมีการวางแผนทั้งนักแข่งรวมถึงวิศวกรไว้หลายวิธีด้วยกัน ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้น

• MGU-K Settings
ระบบส่งกำลังของ Formula 1 เป็นหนึ่งในระบบที่ซับซ้อนที่สุดในโลก เพื่อให้แน่ใจว่านักแข่งสามารถแก้ไขข้อบกพร่องต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้ด้วยตนเองในระหว่างการแข่งขัน วิศวกรของทีมจึงได้ออกแบบการปรับเครื่องยนต์ขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งนักแข่งสามารถควบคุมสวิตช์แบบบิดหมุนได้ผ่านทางพวงมาลัย เช่น สภาพอากาศที่เปียกชื้นเป็นผลทำให้กำลังลดลง แม้แต่ควบคุมกำลังของรถในช่วงระหว่างแข่ง หรือตอน Qualify ตลอดจนพลังงานเชื้อเพลิงต่ำลง หรือพลังงานขัดข้องก็ตาม

• Menu
เมนูนี้จะช่วยให้นักแข่งสามารถควบคุมระบบของรถเกือบทั้งหมดได้ รวมทั้งเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกทุกอย่างผ่านทางเมนู

• Accept
เปรียบได้กับปุ่ม “Enter” บนพวงมาลัย หากมีการเปลี่ยนแปลงจากเมนู หรือการตั้งค่าอื่นๆ ก็จะสามารถปรับเปลี่ยนได้ทันที

• Mark
เมื่อมีปัญหากับส่วนกลาง, ด้านหน้าของรถ หรือที่ใดก็ตามในสนามแข่ง นักแข่งสามารถทำเครื่องหมาย ณ จุดนั้น เพื่อบันทึกข้อมูลลงไปทำให้นักแข่งสามารถนำสิ่งที่เกิดขึ้นไปปรึกษากับวิศวกรในทีมได้

• Differential Balance
ถูกควบคุมด้วยชุดปุ่มที่สามารถเลื่อนได้เพื่อควบคุมการตั้งค่า Entry, Mid และ Exit ซึ่งช่วยให้นักแข่งสามารถเปลี่ยนสมดุลไปทางซ้ายหรือขวาได้ตลอดการแข่งขัน เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขามีการสมดุลที่ดีที่สุดในทุกๆ โค้ง

• Brake Balance
เป็นปุ่มที่สามารถเลื่อนได้เช่นกัน ซึ่งนักแข่งสามารถปรับเปลี่ยนความสมดุลของเบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้ตลอดการแข่งขัน เพื่อให้แน่ใจว่ามีความสมดุลที่ดีที่สุดในทุกๆ โค้ง

• Energy Recovery
ในบางกรณีที่เรียกว่า Harvest จะอนุญาตให้นักแข่งสามารถกู้คืนพลังงานบางส่วนที่เกิดขึ้นระหว่างการเบรก และเก็บไว้ในระบบไฮบริดของรถเพื่อนำมาใช้ในภายหลัง

• Race Start
เป็นปุ่มที่ใช้ตั้งค่าจำกัดความเร็วเฉพาะ เพื่อให้การเข้าโค้งแรกของการแข่งขันนั้นสมบูรณ์แบบที่สุด

• Neutral
จะมีการเปิดใช้ก็ต่อเมื่อเกียร์บ๊อกซ์ปกติได้รับความเสียหาย จนไม่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ตามปกติ

• Pit-Lane Speed
ปุ่มที่จำกัดความเร็วของรถเมื่อเข้าสู่ Pit-Lane เพื่อความปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดได้

• Pit Confirm
หลังจากได้ยินคำสั่ง “Box, Box, Box” นักแข่งสามารถยืนยันในการเข้า Pit ด้วยปุ่มนี้ได้

• Radio
ปุ่มที่นักแข่งใช้สื่อสารกับทีมงานในพิท

• Drink
ในระหว่างการแข่งขันแต่ละครั้งนักแข่งจะสูญเสียน้ำในร่างกายมากถึง 5-7 ปอนด์ เมื่อกดปุ่มนี้จะเป็นการเติมพลังงานให้กับนักแข่งทันที

• Overtake
บางครั้งเรียกกันว่า Push to Pass ช่วยให้นักแข่งมีกำลังเครื่องยนต์และไฮบริดเพิ่มขึ้นชั่วขณะเพื่อไปให้ถึงรถคันที่อยู่ด้านหน้าได้

• DRS
มาจากคำว่า Drag-Reduction System ซึ่งเป็นศัพท์เฉพาะสำหรับแอโรไดนามิกที่ใช้งานอยู่ ในกรณีของ Formula 1 เมื่อนักแข่งกดปุ่ม DRS บนพวงมาลัย และต้องอยู่ห่างจากรถคันหน้าไม่เกิน 1 วินาที อีกทั้งต้องอยู่ในโซน DRS ที่กำหนดไว้ ส่วนตรงกลางของปีกหลังจะเปิดขึ้นซึ่งจะช่วยลดแรงต้านได้ เมื่อเปิด DRS จะทำให้นักแข่งสามารถทำความเร็วได้เพิ่มขึ้น

• Other Secret Buttons
นอกจากปุ่มต่างๆ ที่จำเป็นต้องมีต่อการแข่งขันแล้ว ก็ยังมีปุ่มที่ออกแบบไว้อีกมากมายให้เหมาะสำหรับความลับในแง่ของการออกแบบ และการติดตั้ง ตลอดจนความต้องการของนักแข่งในแต่ละทีม

• Paddles
มักจะแบ่งออกเป็น 3 ชุดภายในพวงมาลัย Formula 1 แต่นักแข่งและทีมงานของแต่ละทีมอาจมีการตั้งค่า แตกต่างกันออกไปตามความถนัดและการออกแบบ ซึ่งด้านบนสามารถตั้งค่าให้นักแข่งเข้าถึงการตั้งค่าเชิงกลยุทธ์ การตั้งค่าเครื่องยนต์ หรือ DRS ได้อย่างรวดเร็ว ชุดกลางมีไว้สำหรับให้นักแข่งใช้เปลี่ยนเกียร์ และชุดล่างมีไว้สำหรับคลัทช์ ซึ่งใช้ในช่วงเริ่มการแข่งขัน หรือการวอร์มยาง

• Handles
เป็นด้ามจับบนพวงมาลัย จะถูกหล่อขึ้นรูปตามมือของนักแข่ง

• Quick-Release Hub
สิ่งนี้จะช่วยให้นักแข่งสามารถเข้าและออก Cockpit ได้ง่ายขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือไฟไหม้ก็ตาม

• Display
จอแสดงผลสำหรับนักแข่ง Formula 1 หน้าจอจะแสดงข้อมูลการวัดระยะทาง เกียร์ในปัจจุบัน เวลาต่อรอบ อีกทั้งเดลต้าไปยังด้านหน้าและด้านหลังรถ สถานะการชาร์จของแบตเตอรี่ เมนู และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพและปัญหาของรถ รวมถึงระบบเทเลเมติกส์อื่นๆ และทั้งหมดนี้สามารถประมวลผลออกมาได้อย่างรวดเร็ว จอแสดงผลนั้นอาจติดตั้งอยู่ที่พวงมาลัยหรือบนแผงหน้าปัดของรถแข่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความถนัด และการออกแบบของทีมงานกับนักแข่ง

• RPM-Indicator LEDs
ไฟ LED สำหรับแสดงสถานะให้นักแข่งทราบเมื่อถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนเกียร์ นักแข่งมักจะมีการตั้งค่าในสีต่างๆ เพื่อแสดงถึง RPM ที่ต่ำและสูง สิ่งเหล่านี้จะอยู่บริเวณด้านบนของล้อหรือบริเวณแผงหน้าปัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า การออกแบบ และความถนัดของนักแข่ง 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก
https://www.thedrive.com/…/how-does-an-f1-steering…
และตัวอย่างพวงมาลัยสุดล้ำจาก Mercedes-AMG Petronas F1 Team 

Start a Conversation

Your email address will not be published. Required fields are marked *