Formula E คือ การแข่งขันรถล้อเปิด ที่นั่งเดี่ยว ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% บรรจุให้เป็น 1 ในซีรีส์ของการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่จัดขึ้นภายใต้การดูแลของสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) ได้เริ่มจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2014 ในชื่อ ABB FIA Formula E Championship มีเป้าหมายเพื่อพัฒนารถแข่งควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยประเดิมสนามแรกที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนและได้จัดการแข่งขันอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
รูปภาพจาก : https://electricvehicleweb.in/
ในช่วงการแข่งขันปี 2018-2019 ที่ผ่านมา รถแข่ง “Formula E Generation 2” ได้ถูกเปิดตัวและนำมาใช้ในการแข่งขัน โดยพัฒนาอัพเกรดขึ้นมาทั้งในเรื่องขนาดแบตเตอร์รี่และกำลังส่งของมอเตอร์ไฟฟ้า โดยแบตเตอร์รี่รุ่นใหม่นี้สามารถเก็บพลังงานไฟฟ้ามากกว่ารุ่นเก่าถึง 2 เท่า อยู่ที่ 54 kWh ส่งผลให้นักแข่งไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรถระหว่างการแข่งขัน ส่วนมอเตอร์ก็แรงขึ้นอีก 50 kW สามารถทำความเร็วสูงสุดได้เพิ่มขึ้น ตัวถังก็ได้ถูกออกแบบใหม่และติดตั้ง Halo เพื่อระบบความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นของนักแข่งในกรณีเกิดอุบัติเหตุ มาพร้อมแถบไฟ LED แสดงสถานะของโหมดการขับขี่อีกด้วย ปัจจุบันมีทีมเข้าร่วมถึง 12 ทีม ประกอบไปด้วยนักแข่ง 24 คน และรถแข่งอีก 24 คัน
รูปภาพจาก : https://formulaspy.com/
โดยกฎกติกาการแข่งขันคร่าวๆ มีดังนี้
Practice
ในทุกๆ สนามจะมีการซ้อมทั้งหมด 2 รอบ รอบแรกจะใช้เวลา 45 นาที รอบที่ 2 จะใช้เวลา 30 นาที แต่ละคันจะมีกำลังสูงสุดอยู่ที่ 250 กิโลวัตต์ นอกจากนี้การชาร์จไฟรถจะอนุญาตทำได้จนถึงในช่วงระหว่างรอบ Practice นี้เท่านั้น
Qualifying
ในรอบควอลิฟายจะมีเวลาให้ทั้งหมด 1 ชั่วโมง ซึ่งนักแข่งทั้งหมดจะถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 6 คัน แต่ละกลุ่มจะมีเวลา 6 นาทีในการทำเวลาให้เร็วที่สุด ผู้ที่ทำเวลาในรอบ Qualifying ได้เร็วที่สุดนั้นจะได้รับคะแนนพิเศษเพิ่มไป 1 คะแนน นอกจากนี้นักแข่งที่ทำเวลาเร็วที่สุด 6 อันดับแรกจะได้สิทธิเข้ารอบ Super Pole โดยในรอบ Super Pole นั้นนักแข่งที่ทำเวลาเป็นอันดับ 6 จะได้สิทธิออกวิ่งก่อนเมื่อนักแข่งอันดับที่ 6 วิ่งผ่านเส้นจับเวลา Pit Lane จะเปิดไฟเขียวให้นักแข่งที่ทำเวลาเป็นอันดับ 5 ออกไปวิ่งต่อ และทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอันดับ 1 ได้ออกวิ่ง และในรอบนี้ผู้ที่ทำเวลาเร็วที่สุดจะได้ตำแหน่ง Pole Position ไปพร้อมกับคว้า 3 คะแนน ซึ่งตลอดการควอลิฟายนักแข่งสามารถเรียกกำลังรถได้เต็มที่ 250 กิโลวัตต์
รูปภาพจาก : www.electrive.com
Races
การแข่งขัน หรือเรียกกันว่า E-Prix (อีปรีซ์) เป็นการออกตัวแบบ Standing Start จะไม่มีการวิ่ง Formation Lap เหมือนการแข่งขัน Formula 1 ซึ่งเริ่มแรกรถแข่งจะจอดอยู่บน Dummy Grid ก่อนที่จะเคลื่อนตัวเข้าสู่ Gird Start ของตัวเอง เพื่อทำการออกตัว การแข่งขันจะใช้เวลา 45 นาทีบวก 1 รอบ สำหรับโหมดการแข่งขันรถแข่งจะให้กำลังสูงสุด 200 กิโลวัตต์ นอกจากนี้แล้วนักแข่งที่
สามารถทำ Fastest Lap ได้จะได้รับคะแนนพิเศษ 1 คะแนนมาครอง
รูปภาพจาก : www.schaeffler.com
Attack Mode
โหมดโจมตี เป็นโหมดที่นักแข่งจะต้องขับผ่านโซนพิเศษที่มีสัญลักษณ์บ่งบอกบนเส้นทางที่ใช้ในระหว่างแข่งขันเท่านั้น เมื่อนักแข่งใช้ Attack Mode จะมีไฟ LED ปรากฏอยู่บนบริเวณ Halo แสดงการทำงานของโหมดนี้อีกด้วย ซึ่งสามารถเพิ่มกำลังรถ และเพิ่มกลยุทธ์ในการใช้พลังงานได้ นักแข่งจะต้องใช้โหมดทั้ง Attack Mode และ Race Mode ขณะแข่งขัน โดยโหมดโจมตีทำให้นักแข่งสามารถเข้าถึงพลังงานสูงสุดที่ 235 กิโลวัตต์
รูปภาพจาก : www.speedcafe.com
Fan Boost
ถือเป็นอีกหนึ่งความแปลกใหม่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตเลยทีเดียว เป็นการทำให้สาวก Formula E ได้มีส่วนร่วมของการแข่งขัน โดยที่แฟนคลับสามารถโหวตให้กับนักแข่งที่ตนเองชื่นชอบผ่านทาง Website ของ Formula E และนักแข่งที่ได้รับคะแนนนิยมมากที่สุด 5 อันดับแรกจะได้รับอนุญาตให้ใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เรียกว่า Boost (บูสท์) ซึ่งจะสามารถใช้งานได้เพียงแค่ 5 วินาทีของครึ่งหลังในการแข่งขันเท่านั้น
รูปภาพจาก : https://edition.cnn.com/
ข้อมูลจำเพาะของรถ Formula E (Gen 2)
• Length 5160 mm
• Width 1770 mm
• Height 1050 mm
• Front track 1553 mm
• Rear track 1505 mm
• Ride height 75 mm (max)
• Wheelbase 3100 mm
• Minimum weight (include driver) 903 kg (battery 385 kg)
• Maximum power 250 kW, equivalent to 335 bhp
• Race Mode (maximum power available) 200 kW, equivalent to 270 bhp
• Maximum power regeneration 250 kW
• Maximum speed 280 km/h
• 0-100 km/h 2.8s
รูปภาพจาก : www.bmwblog.com
เนื่องจากว่ารถแข่ง Formula E สร้างมลภาวะทางเสียงและทางอากาศในปริมาณที่น้อยมากๆ การแข่งขัน Formula E จึงสามารถจัดการแข่งขันแบบ Street Circuit ในเมืองหลวงใหญ่ๆได้ ซึ่งทำให้คนดูสามารถเข้าถึงการแข่งขันได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น การแข่งขัน Paris E-Prix ที่จัดขึ้นใจกลางเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส รวมไปถึง London E-Prix จัดขึ้นที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ
รูปภาพจาก : https://racingnews365.com/
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.fiaformulae.com/
https://www.facebook.com/FormulaEThailand/?ref=page_internal
https://www.autoinfo.co.th/article/304825/
https://motortrivia.com/…/formula-e-2016-17-season…/
https://www.autoinfo.co.th/article/261219/
https://www.bangkokinternationalautosalon.com/auto…/2523/
รูปภาพจาก : https://f1i.com/
รูปภาพจาก : http://techzle.com/