
ความหมายของสารต้องห้ามทางการกีฬา
สารต้องห้ามทางการกีฬา (Prohibited Substances) หมายถึงสารที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายนักกีฬาแล้วสามารถเสริมประสิทธิภาพการแข่งขัน ส่งผลเสียต่อสุขภาพ หรือขัดต่อจิตวิญญาณของกีฬา ตามที่สำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา (DCAT ภายใต้ SAT) กำกับควบคุมภายใต้ พระราชบัญญัติการควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. 2555 และประกาศจาก World Anti-Doping Agency (WADA)
กรอบกฎหมายและระบบกำกับ
พระราชบัญญัติการควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. 2555 ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาออกประกาศกำหนดสารต้องห้ามตามคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมสารต้องห้าม (Sport Doping Control Commission)
เมื่อมีประกาศแล้ว นักกีฬาหรือผู้เกี่ยวข้อง ห้ามใช้ครอบครอง ส่งต่อ จัดหา หรือชักชวนให้ใช้สารต้องห้าม รวมถึงพยายามปกปิดหลักฐานการใช้ หรือหลบเลี่ยงการตรวจสอบ
หากมีการละเมิดนักกีฬาจะถูกดำเนินกระบวนการลงโทษผ่านคณะกรรมการไต่สวนและผู้เสียโอกาสมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ภายในช่วงเวลาที่กำหนด
รายการสารต้องห้ามตามมาตรฐาน WADA
WADA Prohibited List แบ่งสารออกเป็นประเภทต่างๆ อาทิ
S0: สารที่ไม่ผ่านการอนุมัติจากองค์กรสุขภาพ
S1: สาร anabolic agents เช่น steroids, clenbuterol
S2: ฮอร์โมนโปรตีน และปัจจัยการเจริญเติบโต เช่น EPO, hGH, IGF-1
S3: beta‑2 agonists
S4: modulators ทางฮอร์โมน/เมตาบอลิซึม
S5: diuretics และ masking agents ใช้เพื่อซ่อนการใช้สารต้องห้าม เช่น hydrochlorothiazide, chlorothiazide
S6: stimulants เช่น amphetamines, methamphetamine, methylhexanamine (DMAA)
S7–S9: รวมถึง narcotics, cannabinoids, glucocorticoids
P1: beta‑blockers ห้ามใช้ในกีฬาบางประเภท เช่น การยิงปืน หรือกีฬาที่ต้องควบคุมอัตราการเต้นหัวใจ
ซึ่งสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก ลิงค์ Wada Prohibited List
บทบาทของ DCAT และ SAT
DCAT (Doping Control Agency of Thailand) เป็นหน่วยงานภายใต้ การกีฬาแห่งประเทศไทย (SAT) รับผิดชอบจัดเก็บตัวอย่าง ตรวจวิเคราะห์ และให้ความรู้เกี่ยวกับสารต้องห้ามแก่นักกีฬา ตามแนวทางกฎหมายและมาตรฐานของ WADA
SAT ได้พัฒนาระบบ STAM (Thailand’s Anti‑Doping Management) เพื่อบริหารจัดการกระบวนการใช้สารต้องห้ามอย่างมีประสิทธิภาพ
แนวทางการปฏิบัติของนักกีฬาและผู้สนับสนุน
นักกีฬาต้องศึกษารายการสารห้ามเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
หากจำเป็นต้องใช้สารเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ ต้องยื่นขอ Therapeutic Use Exemption (TUE) ผ่าน DCAT และได้รับการอนุมัติก่อนใช้งานจริง
ผู้ฝึกสอน ทีมแพทย์ และผู้เกี่ยวข้องควรได้รับการอบรมความรู้ด้าน anti‑doping รวมถึงเข้าใจบทลงโทษหากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิด